เล็งปรับการขยายตัวเศรษฐกิจของปี 51 และปี 52 ใหม่ในช่วงเดือนม.ค.52 เหตุเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลกชะลอตัว หวั่นกระทบจีดีพีเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 อาจขยายตัวต่ำกว่าประมาณการณ์เดิม คือ 3-4.5% คาดมีโอกาสสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมกนง.วันที่ 3 ธ.ค. นี้ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มีโอกาสที่จะปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจและเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญของปี 2551 และปี 2552 ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยการประเมินเดิมที่ประมาณการไว้ว่าในปีนี้ 4.3-5% ในปี 2552 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.8-5% ส่วนใหญ่เป็นการประเมินข้อมูลจริงจากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เท่านั้น แต่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ข้อมูลต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ธปท.ได้ประเมินว่า ตัวเลขจริงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ น่าจะอยู่ที่ 4-4.5% เท่านั้น จากเดิมที่ ธปท.ประมาณการว่าจะขยายตัวที่ระดับ 5-5.3% และปัจจัยจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่รุนแรงกว่าที่คาด ซึ่งส่งผลให้เกิดการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จาก 1.6% เหลือ 1.3% และลดประมาณการการขยายตัวปีหน้าจาก 0.8% เหลือ 0.1% รวมทั้งปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหภาพยุโรป และญี่ปุ่นลงเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
ดังนั้น ธปท.จึงเตรียมที่จะปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ที่เดิมคาดว่าจะโต 3-4.5% ลง ซึ่งทำให้ต้องปรับตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจทั้งปี และปีหน้าลดลงตามตัวเลขจริงที่จะออกมา โดยจะมีการหารือการปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปในการประชุม กนง.วันที่ 3 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ และคาดว่า ที่ประชุม กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในวันดังกล่าว เนื่องจากตัวเลขที่ออกมาชัดเจนว่า เศรษฐกิจไทยทรุดตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่จะการปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจในการรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ กลางเดือน ม.ค.ปีหน้า
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มีโอกาสที่จะปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจและเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญของปี 2551 และปี 2552 ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยการประเมินเดิมที่ประมาณการไว้ว่าในปีนี้ 4.3-5% ในปี 2552 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.8-5% ส่วนใหญ่เป็นการประเมินข้อมูลจริงจากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เท่านั้น แต่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ข้อมูลต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ธปท.ได้ประเมินว่า ตัวเลขจริงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ น่าจะอยู่ที่ 4-4.5% เท่านั้น จากเดิมที่ ธปท.ประมาณการว่าจะขยายตัวที่ระดับ 5-5.3% และปัจจัยจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่รุนแรงกว่าที่คาด ซึ่งส่งผลให้เกิดการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จาก 1.6% เหลือ 1.3% และลดประมาณการการขยายตัวปีหน้าจาก 0.8% เหลือ 0.1% รวมทั้งปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหภาพยุโรป และญี่ปุ่นลงเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
ดังนั้น ธปท.จึงเตรียมที่จะปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ที่เดิมคาดว่าจะโต 3-4.5% ลง ซึ่งทำให้ต้องปรับตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจทั้งปี และปีหน้าลดลงตามตัวเลขจริงที่จะออกมา โดยจะมีการหารือการปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปในการประชุม กนง.วันที่ 3 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ และคาดว่า ที่ประชุม กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในวันดังกล่าว เนื่องจากตัวเลขที่ออกมาชัดเจนว่า เศรษฐกิจไทยทรุดตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่จะการปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจในการรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ กลางเดือน ม.ค.ปีหน้า