กรมบัญชีกลางเร่งอนุมัติและสั่งจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญเข้าบัญชีผู้ที่เกษียณอายุ และออกจากราชการ ในปีงบประมาณ 2551 ครบทุกราย ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2551 หรือคิดเป็นร้อยละ 100 แล้ว พร้อมพัฒนาระบบจ่ายตรง-ต่อเนื่องในโครงการ e-Pension เพื่อความรวดเร็วยิ่งขึ้นในปีถัดไป
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในช่วงสิ้นปีงบประมาณจะมีผู้ขอรับบำเหน็จบำนาญใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้การสั่งจ่ายเงินและการโอนเงินเข้าบัญชี ของผู้รับบำเหน็จบำนาญแต่ละรายล่าช้า โดยเฉพาะในปีที่มีโครงการเกษียณก่อนกำหนด หรือเออลี่รีไทร์จะล่าช้า บางรายได้รับบำเหน็จบำนาญในเดือนพฤศจิกายน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี จึงได้สั่งการให้มีการวางแผนและประสานงานกันอย่างดี ตลอดจนขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่อยู่ล่วงเวลาทำงาน เพื่อให้งานเสร็จทันเวลา
ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการอนุมัติและสั่งจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญเข้าบัญชีธนาคารของข้าราชการ และลูกจ้างประจำ ที่เกษียณอายุราชการและออกจากราชการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ที่ยื่นเรื่องขอรับเงินบำเหน็จบำนาญมาถึงกรมบัญชีกลางภายในเดือนกันยายน 2551 จำนวน 20,169 ราย ครบทุกรายแล้ว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2551 หรือครบ 100% รวมจำนวนเงิน 2,623.03 ล้านบาท โดยเป็นเงินบำเหน็จปกติสำหรับข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และข้าราชการสมาชิก กบข. จำนวน 5,151 ราย จำนวนเงิน 2,318.21 ล้านบาท และเป็นเงินบำนาญข้าราชการและข้าราชการสมาชิก กบข. จำนวน 15,018 ราย จำนวนเงิน 304.82 ล้านบาท ทำให้ผู้ที่ออกจากราชการได้รับบำเหน็จเป็นเงินก้อนโดยเร็ว เพื่อนำไปใช้จ่ายลงทุนภายหลังออกจากราชการ รวมถึงผู้ที่รับบำนาญก็จะได้รับเงินต่อเนื่องจากเดือนกันยายน ทันทีไม่ทิ้งช่วง
นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาระบบการจ่ายตรงบำเหน็จบำนาญอย่างต่อเนื่อง ในโครงการ e-Pension คือ การยื่นเรื่องขอรับเงินบำเหน็จบำนาญ ผ่านทาง Internet ซึ่งได้มีการดำเนินการกับส่วนราชการนำร่องจำนวน 20 แห่งในปี 2551 และในปี 2552 นี้จะขยายผลเพิ่มส่วนราชการ เข้าร่วมโครงการ อีก 100 แห่ง เมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ จะทำให้ส่วนราชการมีความสะดวกคล่องตัวในการปฏิบัติงานยิ่งขึ้น โดยการทำงานทั้งหมดนับตั้งแต่ยื่นคำขอจนกระทั่งการสั่งจ่ายเงินอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ จะไม่ต้องมีภาระในการเก็บเอกสาร (Paperless) และผู้ขอรับบำเหน็จบำนาญก็สามารถตรวจสอบและติดตามเรื่องได้ทาง Internet โดยใช้รหัสเลขประจำตัวประชาชนเข้าไปตรวจสอบในระบบได้
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในช่วงสิ้นปีงบประมาณจะมีผู้ขอรับบำเหน็จบำนาญใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้การสั่งจ่ายเงินและการโอนเงินเข้าบัญชี ของผู้รับบำเหน็จบำนาญแต่ละรายล่าช้า โดยเฉพาะในปีที่มีโครงการเกษียณก่อนกำหนด หรือเออลี่รีไทร์จะล่าช้า บางรายได้รับบำเหน็จบำนาญในเดือนพฤศจิกายน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี จึงได้สั่งการให้มีการวางแผนและประสานงานกันอย่างดี ตลอดจนขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่อยู่ล่วงเวลาทำงาน เพื่อให้งานเสร็จทันเวลา
ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการอนุมัติและสั่งจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญเข้าบัญชีธนาคารของข้าราชการ และลูกจ้างประจำ ที่เกษียณอายุราชการและออกจากราชการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ที่ยื่นเรื่องขอรับเงินบำเหน็จบำนาญมาถึงกรมบัญชีกลางภายในเดือนกันยายน 2551 จำนวน 20,169 ราย ครบทุกรายแล้ว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2551 หรือครบ 100% รวมจำนวนเงิน 2,623.03 ล้านบาท โดยเป็นเงินบำเหน็จปกติสำหรับข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และข้าราชการสมาชิก กบข. จำนวน 5,151 ราย จำนวนเงิน 2,318.21 ล้านบาท และเป็นเงินบำนาญข้าราชการและข้าราชการสมาชิก กบข. จำนวน 15,018 ราย จำนวนเงิน 304.82 ล้านบาท ทำให้ผู้ที่ออกจากราชการได้รับบำเหน็จเป็นเงินก้อนโดยเร็ว เพื่อนำไปใช้จ่ายลงทุนภายหลังออกจากราชการ รวมถึงผู้ที่รับบำนาญก็จะได้รับเงินต่อเนื่องจากเดือนกันยายน ทันทีไม่ทิ้งช่วง
นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาระบบการจ่ายตรงบำเหน็จบำนาญอย่างต่อเนื่อง ในโครงการ e-Pension คือ การยื่นเรื่องขอรับเงินบำเหน็จบำนาญ ผ่านทาง Internet ซึ่งได้มีการดำเนินการกับส่วนราชการนำร่องจำนวน 20 แห่งในปี 2551 และในปี 2552 นี้จะขยายผลเพิ่มส่วนราชการ เข้าร่วมโครงการ อีก 100 แห่ง เมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ จะทำให้ส่วนราชการมีความสะดวกคล่องตัวในการปฏิบัติงานยิ่งขึ้น โดยการทำงานทั้งหมดนับตั้งแต่ยื่นคำขอจนกระทั่งการสั่งจ่ายเงินอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ จะไม่ต้องมีภาระในการเก็บเอกสาร (Paperless) และผู้ขอรับบำเหน็จบำนาญก็สามารถตรวจสอบและติดตามเรื่องได้ทาง Internet โดยใช้รหัสเลขประจำตัวประชาชนเข้าไปตรวจสอบในระบบได้