โกลว์ พลังงาน โชว์ผลงานงวด 9 เดือนแรก รายได้รวม 25,681 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม 6,017 ล้านบาท ผู้บริหาร เผยการปรับขึ้นค่าเอฟที จะช่วยลดผลกระทบจากราคาต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW กล่าวถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2551 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 25,681 ล้านบาท กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (EBITDA) 6,017 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (Net Normalized Profit: NNP) 3,266 ล้านบาท
“โกลว์ได้ดำเนินการมาตรการต่างๆ หลายอย่าง เพื่อลดผลกระทบในทางลบของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ซึ่งช่วยให้กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) ลดลงเพียง 1.36 เท่านั้น”
นายเฮสคาเน่น กล่าวว่า การประกาศขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะสามารถช่วยให้กำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทโกลว์ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรที่ต่ำกว่าที่คาดหมายในปีนี้นั้นปรับตัวดีขึ้น หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีได้ส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นของบริษัทประมาณ 400 ล้านบาท
ประกอบกับแนวโน้มการอ่อนตัวลงของเงินบาทในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้อัตราค่าเงินบาทโดยเฉลี่ยของปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้วแข็งตัวขึ้นเพียงร้อยละ 5 ซึ่งทำให้ผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทลดลงเหลือเพียง 170 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทคาดหมายว่าจะสามารถแสดงผลประกอบการกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) ของปี 2552 นี้ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2551
สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกันนั้น รายได้จากการขายยังคงเติบโต โดยรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ขณะที่รายได้จากการขายไอน้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 รวมถึงมีความคืบหน้าอย่างมากในการลงนามในสัญญาขายผลิตภัณฑ์จากกำลังการผลิตส่วนเพิ่มตามโครงการขยายกำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์และ 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW กล่าวถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2551 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 25,681 ล้านบาท กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (EBITDA) 6,017 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (Net Normalized Profit: NNP) 3,266 ล้านบาท
“โกลว์ได้ดำเนินการมาตรการต่างๆ หลายอย่าง เพื่อลดผลกระทบในทางลบของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ซึ่งช่วยให้กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) ลดลงเพียง 1.36 เท่านั้น”
นายเฮสคาเน่น กล่าวว่า การประกาศขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะสามารถช่วยให้กำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทโกลว์ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรที่ต่ำกว่าที่คาดหมายในปีนี้นั้นปรับตัวดีขึ้น หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีได้ส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นของบริษัทประมาณ 400 ล้านบาท
ประกอบกับแนวโน้มการอ่อนตัวลงของเงินบาทในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้อัตราค่าเงินบาทโดยเฉลี่ยของปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้วแข็งตัวขึ้นเพียงร้อยละ 5 ซึ่งทำให้ผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทลดลงเหลือเพียง 170 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทคาดหมายว่าจะสามารถแสดงผลประกอบการกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) ของปี 2552 นี้ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2551
สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกันนั้น รายได้จากการขายยังคงเติบโต โดยรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ขณะที่รายได้จากการขายไอน้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 รวมถึงมีความคืบหน้าอย่างมากในการลงนามในสัญญาขายผลิตภัณฑ์จากกำลังการผลิตส่วนเพิ่มตามโครงการขยายกำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์และ 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า
