บิ๊กธอส.หวั่นปี 52 ปัญหาวิกฤตการเงินกระทบลูกค้าผ่อนค่างวดไม่ไหว จนลุกลามกลายเป็นNPL ยอมรับเข้มปล่อยกู้โดยเฉพาะรายได้เพื่อป้องกันหนี้เสีย พร้อมประกาศเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25-1% หวังเสริมสภาพคล่องรองรับแผนปล่อยกู้ปี 52
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤตสถาบันการเงินโลกที่มองว่า จะได้รับผลกระทบหนักในปีหน้า และอาจทำให้ลูกค้าที่ขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านมีปัญหาจนกลายเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ได้ในภายหลัง นอกจากนี้ สถาบันการเงินทุกแห่งยังมุ่งเน้นบริหารดูแลสภาพคล่องและป้องกันปัญหาหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องดูแล
โดยขณะนี้ ธอส.มีสภาพคล่อง 39,781 ล้านบาท คิดเป็น 7.8% จากการประมาณการสภาพคล่องล่วงหน้า 30 วัน ธนาคารจะมีสภาพคล่องเฉลี่ยประมาณ 6.7-7.7% และในเดือนธ.ค.51 ธนาคารอาจมีสภาพคล่องต่ำกว่า 6% เนื่องจากตลาดการเงินได้มีการแข่งขันระดมเงินฝากเพื่อเสริมสภาพคล่อง และเตรียมระดมทุนให้เพียงพอกับการปล่อยสินเชื่อในปีหน้า
ดังนั้น ธอส.จึงมีความจำเป็นต้องประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์พิเศษ จากอัตราเดิม 2.25% เป็น 3.25% ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำ 3-6 เดือน ปรับเป็น 3.00% ต่อปี สำหรับวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท, อัตราดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี สำหรับวงเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไปแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท และอัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนตั๋วสัญญาใช้เงิน(P/N) 1 เดือน ปรับเพิ่มจาก 2.25% เป็น 2.75% , เงินฝากตั๋วสัญญาใช้เงิน 2 เดือน จาก 2.25% เป็น 3.00% มีผลตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พ.ย.51
" การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว มีผลกระทบต่อดอกเบี้ยจ่ายเงินฝากเพิ่มขึ้นในปี51ประมาณ 85 ล้านบาท คิดเป็น 0.65% ของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และเพิ่มเป็นการยืดหยุ่นของอัตราดอกเบี้ย จึงมีมติอนุมัติให้พนักงานตั้งแต่ผู้จัดการสาขาขึ้นไปสามารถพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าได้เป็นรายบุคคลที่มีเงินฝากตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป"นายขรรค์กล่าวและยอมรับว่า
ขณะนี้การปล่อยสินเชื่อต้องเน้นคุณภาพ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสียภายหลัง โดยยอดปล่อยสินเชื่อปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 80,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงการคลังที่ตั้งไว้ 90,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารจะให้ผู้กู้ผ่อนชำระค่างวดไม่เกิน 35% ของรายได้สุทธิต่องวดหรือประมาณ 1 ใน 3 ของเงินรายได้
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2551 (ณ วันที่ 30 ก.ย.51) ธอส.มีผลกำไร (ก่อนกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 7,520 ล้านบาท โดยในปีนี้ธนาคารได้กันสำรองฯ ไปแล้วจำนวนกว่า 5,843 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีก่อน 3,056 ล้านบาท คิดเป็น 109.67 % เพื่อนำเข้าสู่เกณฑ์สำรองตามมาตรฐานIAS 39ในปี 2555 ส่งผลให้ไตรมาส 3 ธนาคารมีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,677 ล้านบาท ลดลง 334.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.63 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,011.51ล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนแรก ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 57,026.77 ล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 82,460 ราย มีหนี้เอ็นพีแอล 67,499.41 ล้านบาท คิดเป็น 11.48 % ของยอดสินเชื่อรวม ขณะที่ทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) คงเหลือสุทธิตามงบการเงิน จำนวน 9,670.75 ล้านบาท ลดลง 9.57 %
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤตสถาบันการเงินโลกที่มองว่า จะได้รับผลกระทบหนักในปีหน้า และอาจทำให้ลูกค้าที่ขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านมีปัญหาจนกลายเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ได้ในภายหลัง นอกจากนี้ สถาบันการเงินทุกแห่งยังมุ่งเน้นบริหารดูแลสภาพคล่องและป้องกันปัญหาหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องดูแล
โดยขณะนี้ ธอส.มีสภาพคล่อง 39,781 ล้านบาท คิดเป็น 7.8% จากการประมาณการสภาพคล่องล่วงหน้า 30 วัน ธนาคารจะมีสภาพคล่องเฉลี่ยประมาณ 6.7-7.7% และในเดือนธ.ค.51 ธนาคารอาจมีสภาพคล่องต่ำกว่า 6% เนื่องจากตลาดการเงินได้มีการแข่งขันระดมเงินฝากเพื่อเสริมสภาพคล่อง และเตรียมระดมทุนให้เพียงพอกับการปล่อยสินเชื่อในปีหน้า
ดังนั้น ธอส.จึงมีความจำเป็นต้องประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์พิเศษ จากอัตราเดิม 2.25% เป็น 3.25% ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำ 3-6 เดือน ปรับเป็น 3.00% ต่อปี สำหรับวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท, อัตราดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี สำหรับวงเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไปแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท และอัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนตั๋วสัญญาใช้เงิน(P/N) 1 เดือน ปรับเพิ่มจาก 2.25% เป็น 2.75% , เงินฝากตั๋วสัญญาใช้เงิน 2 เดือน จาก 2.25% เป็น 3.00% มีผลตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พ.ย.51
" การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว มีผลกระทบต่อดอกเบี้ยจ่ายเงินฝากเพิ่มขึ้นในปี51ประมาณ 85 ล้านบาท คิดเป็น 0.65% ของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และเพิ่มเป็นการยืดหยุ่นของอัตราดอกเบี้ย จึงมีมติอนุมัติให้พนักงานตั้งแต่ผู้จัดการสาขาขึ้นไปสามารถพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าได้เป็นรายบุคคลที่มีเงินฝากตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป"นายขรรค์กล่าวและยอมรับว่า
ขณะนี้การปล่อยสินเชื่อต้องเน้นคุณภาพ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสียภายหลัง โดยยอดปล่อยสินเชื่อปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 80,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงการคลังที่ตั้งไว้ 90,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารจะให้ผู้กู้ผ่อนชำระค่างวดไม่เกิน 35% ของรายได้สุทธิต่องวดหรือประมาณ 1 ใน 3 ของเงินรายได้
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2551 (ณ วันที่ 30 ก.ย.51) ธอส.มีผลกำไร (ก่อนกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 7,520 ล้านบาท โดยในปีนี้ธนาคารได้กันสำรองฯ ไปแล้วจำนวนกว่า 5,843 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีก่อน 3,056 ล้านบาท คิดเป็น 109.67 % เพื่อนำเข้าสู่เกณฑ์สำรองตามมาตรฐานIAS 39ในปี 2555 ส่งผลให้ไตรมาส 3 ธนาคารมีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,677 ล้านบาท ลดลง 334.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.63 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,011.51ล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนแรก ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 57,026.77 ล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 82,460 ราย มีหนี้เอ็นพีแอล 67,499.41 ล้านบาท คิดเป็น 11.48 % ของยอดสินเชื่อรวม ขณะที่ทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) คงเหลือสุทธิตามงบการเงิน จำนวน 9,670.75 ล้านบาท ลดลง 9.57 %