ASTVผู้จัดการรายวัน - ธอส.ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและตั๋วสัญญาใช้เงินทุกประเภท 0.25% มีผลวันนี้ (15 มิ.ย.) โดยดอกเบี้ยออมทรัพย์จากเดิม 0.50% เป็น 0.75% ต่อปี ดอกเบี้ยเงินฝากประจำมาอยู่ที่ 1% ตั๋วสัญญาใช้เงิน 7 วัน และ 14 วัน จาก 0.5% เป็น 0.75% และตั๋วสัญญาใช้เงิน 12 เดือน อยู่ที่ 1.25%
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทอีก 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 0.75% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 0.50% อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์พิเศษขึ้นมาอยู่ที่ 1% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน และ 6 เดือน ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.2552 เป็นต้นไป
ด้านตั๋วสัญญาใช้เงินทุกประเภทปรับเพิ่มอีก 0.25% ต่อปี เช่นกัน ประกอบด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 7 วัน และ14 วัน ปรับเพิ่มจากเดิม 0.50% เป็น 0.75% ตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 3 เดือน และ 6 เดือน จากเดิม 0.75% เป็น 1.00% เงินฝากประจำและตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน และ 60 เดือน ปรับเพิ่มเป็น 1.25% 1.75% 2.00% และ 2.25% ตามลำดับ มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2552 เป็นต้นไป
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธนาคาร จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 10% เนื่องจากที่ผ่านมามีลูกค้าของธนาคารที่เป็นหน่วยงานรัฐหลายแห่ง เช่น โรงงานยาสูบ ได้ถอนเงินออกไปใช้จ่าย ทำให้สภาพคล่องของธนาคารปรับลดลง
"เชื่อว่าประชาชนจะสนใจมาฝากเงินกับธนาคารจำนวนมาก เพราะหากปรับขึ้นอีก 0.25% จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารสูงกว่าธนาคารอื่น" นายขรรค์กล่าวและว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะต้องพิจารณาควบคู่กับการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในปีนี้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารขยายตัวเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธการปล่อยกู้ จึงทำให้มีลูกค้ามาขอกู้กับธนาคารมากขึ้น ประกอบกับการปล่อยสินเชื่อโครงการบ้านเอื้ออาทรในปีนี้ สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยเดือนละ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะปล่อยสินเชื่อได้ 10,000 ล้านบาท จากปี 2551 ปล่อยสินเชื่อได้เพียง 5,000 ล้านบาท
สำหรับการปล่อยสินเชื่อในเดือนพฤษภาคม 2552 ธนาคารปล่อยได้ 7,000 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้ 33,000 ล้านบาท โดยทั้งปีธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 73,500 ล้านบาท
นายขรรค์ระบุว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดจะต้องรอดูการพิจารณาการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ในการประชุมวันที่ 15 ก.ค. 2552 จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% หรือไม่ หากพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยถือเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยถึงจุดต่ำสุดแล้ว
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรเริ่มมีสัญญาณปรับเพิ่มขึ้น จากอัตราดอกเบี้นพันธบัตรรัฐบาลในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1% อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รัฐบาลเริ่มกู้เงินบาทตามอำนาจ พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ก็จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นได้.
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทอีก 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 0.75% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 0.50% อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์พิเศษขึ้นมาอยู่ที่ 1% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน และ 6 เดือน ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.2552 เป็นต้นไป
ด้านตั๋วสัญญาใช้เงินทุกประเภทปรับเพิ่มอีก 0.25% ต่อปี เช่นกัน ประกอบด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 7 วัน และ14 วัน ปรับเพิ่มจากเดิม 0.50% เป็น 0.75% ตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 3 เดือน และ 6 เดือน จากเดิม 0.75% เป็น 1.00% เงินฝากประจำและตั๋วสัญญาใช้เงินประเภท 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน และ 60 เดือน ปรับเพิ่มเป็น 1.25% 1.75% 2.00% และ 2.25% ตามลำดับ มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2552 เป็นต้นไป
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธนาคาร จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 10% เนื่องจากที่ผ่านมามีลูกค้าของธนาคารที่เป็นหน่วยงานรัฐหลายแห่ง เช่น โรงงานยาสูบ ได้ถอนเงินออกไปใช้จ่าย ทำให้สภาพคล่องของธนาคารปรับลดลง
"เชื่อว่าประชาชนจะสนใจมาฝากเงินกับธนาคารจำนวนมาก เพราะหากปรับขึ้นอีก 0.25% จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารสูงกว่าธนาคารอื่น" นายขรรค์กล่าวและว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะต้องพิจารณาควบคู่กับการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในปีนี้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารขยายตัวเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธการปล่อยกู้ จึงทำให้มีลูกค้ามาขอกู้กับธนาคารมากขึ้น ประกอบกับการปล่อยสินเชื่อโครงการบ้านเอื้ออาทรในปีนี้ สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยเดือนละ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะปล่อยสินเชื่อได้ 10,000 ล้านบาท จากปี 2551 ปล่อยสินเชื่อได้เพียง 5,000 ล้านบาท
สำหรับการปล่อยสินเชื่อในเดือนพฤษภาคม 2552 ธนาคารปล่อยได้ 7,000 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้ 33,000 ล้านบาท โดยทั้งปีธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 73,500 ล้านบาท
นายขรรค์ระบุว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดจะต้องรอดูการพิจารณาการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ในการประชุมวันที่ 15 ก.ค. 2552 จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% หรือไม่ หากพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยถือเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยถึงจุดต่ำสุดแล้ว
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรเริ่มมีสัญญาณปรับเพิ่มขึ้น จากอัตราดอกเบี้นพันธบัตรรัฐบาลในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1% อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รัฐบาลเริ่มกู้เงินบาทตามอำนาจ พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ก็จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นได้.