การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขาได้ นาย บารัค โอบามาเป็นประธานาธิบดีผู้ได้ชัยชนะอย่างล้นหลามเป็นประวัติการณ์ 364 เสียง ขณะที่ แมคเคนได้ 162 เสียง และได้เสียงพ็อพพูลาโวต 62,293,093 เสียง เทียบกับ ของแมคเคน 57,325,487 เสียง
เป็นชัยชนะที่ขาวสะอาด เราไม่ได้ยินข่าวการซื้อเสียง ไม่มีการเอาเงินของรัฐหว่านแบบประชานิยมเพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียง และสิ่งที่น่าชื่นชมที่สุด คือการสื่อสารครบด้านของสื่อมวลชน แม้ จอร์จ บุช แห่งพรรครีพลับลิกัน เป็นรัฐบาล แต่เราก็ยังเห็นการให้เกียรติประชาชนของเขาโดยการให้สื่อสารครบด้าน เราจึงเห็นคนที่เห็นต่างเช่น บารัค โอบามา ฮีลารี คลินตัน ก็ยังมีโอกาสแสดงจุดยืนและความคิดเห็นผ่านสื่อของเขา
การดีเบต หรือโต้วาทีนั้น ก็เป็นไปอย่างงดงาม เป็นการโต้วาทีที่สมศักดิ์ศรีการชิงตำแหน่งผู้นำประเทศอย่างแท้จริง การโต้กันทั้ง 2 ด้าน การตอบคำถามที่ "ตรง" และ "แหลมคม" อย่างตรงไปตรงมา ทำให้คนทั่วโลกได้เห็นตัวตนที่แท้จริง ทำให้ "โกหก" ไม่ได้
โอบามาได้แสดงตัวตนอย่างขาวสะอาด (แม้จะมีผิวสี) ทุกคนเห็นตัวตน เห็นปัญหาในอดีต เห็นความเข้าใจชัดเจนใน "ความดีและความบาป" เห็นความตั้งใจที่จะมองชีวิตว่า "มันไม่ใช่แค่ตัวฉัน" แต่มันเป็นชีวิต "เพื่อสิ่งที่เหนือกว่านั้น" ต้องคำนึงถึงประเทศ ไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตน เขาได้แสดงบทเรียนจากการทำบาปในการค้าทาส ที่มนุษย์เอาเปรียบมนุษย์กันเอง สิ่งที่สหรัฐได้เปลี่ยนแปลงมาแล้ว และจะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นต่อไป คือ ความเสมอภาค เสรีภาพของประชาชน ความชอบธรรม ความยุติธรรม และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ผมดูแล้วก็มองได้ว่า ใกล้เคียงกับคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงเป็นที่รักเทอดทูนของปวงชนชาวไทย เช่น **"ความพอเพียง" "ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องธรรมดา" และ "ความรู้รักสามัคคี" **อันเป็นคำสอนที่รักษาความเป็นชาติไทยไว้ได้อย่างแท้จริง
มีคำพูดในวันแห่งชัยชนะของเขาที่จับใจ ที่กลายเป็นบทเรียนดีๆ หลายประการ
1. "ขอบคุณพี่น้องชาวอเมริกันทุกท่าน ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่วอชิงตัน ทุกท่านได้เปล่งเสียงแล้วว่า ท่านต้องการ 'การเปลี่ยนแปลง' และที่ท่านต้องการเช่นนั้น ไม่ใช่ด้วยความสงสัย หรือความกลัว แต่ด้วยความหวัง และแรงบันดาลใจ วันนี้ เราทุกคนได้ร่วมกันเดินทางมาสู่จุดหมายนั้นแล้ว เป็นจุดหมายที่นำไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่" เป็นคำพูดที่งดงาม เพราะไม่ได้ให้ชาวอเมริกันหลงอยู่กับความมืด เช่นความสงสัย หรือความกลัว แต่กลับให้อยู่ในความสว่าง คือ ความหวังและกำลังใจ
และยังบอกกับทุกคนว่า **ทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายหนึ่ง ย่อมหมายถึงจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง** ทำให้มองชีวิตให้เห็นในด้านสว่างว่า เป็นชีวิตที่มีคุณค่า และดีที่มีสิ่งใหม่ๆ สำหรับเราอย่างดีเสมอ เมื่อผ่านความสำเร็จไปแต่ละขั้นในชีวิต
2. "เราควรจะร่วมกันภาคภูมิใจกับเพื่อนร่วมงานอีกท่านหนึ่ง ฮิลารี คลินตัน เธอต่อสู้อย่างสง่างาม และอุตสาหะยาวนานกว่าใครๆ เธอเป็นหญิงอัศจรรย์ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ชาวอเมริกันหลายล้านคน ด้วยความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ และความมุ่งมั่นของเธอ เธอได้มีส่วนร่วมทำให้เรามาถึงจุดนี้ในวันนี้ ... และเมื่อเราได้ทำโครงการสุขภาพดีถ้วนหน้า เชื่อได้เลยว่า เธอคือศูนย์กลางแห่งความสำเร็จนั้น เมื่อเราได้ปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงาน และยกระดับเด็กของเราให้พ้นจากความยากจน ก็เป็นเพราะเธอได้ช่วยเพื่อทำให้มันเกิดขึ้น
พรรคของเราและประเทศของเราดีขึ้นเพราะเธอ และผมเองก็เป็นผู้เข้าชิงประธานาธิบดีที่พร้อมมากขึ้นเพราะได้รับเกียรติยิ่งใหญ่ในการแข่งขันกับเธอ ฮิลารี คลินตัน"
เราได้เห็นความเป็นผู้นำของโอบามา ที่เห็นคุณค่าของ **"ผู้เห็นต่าง"** ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งกัน ด้วยความให้เกียรติ แม้ฮิลารี คลินตัน คือคู่แข่งสำคัญของตน ที่ไม่ได้แข่งง่ายกว่าแข่งกับแมคเคนเลย แต่เขาถือว่าทุกคน มีความมุ่งหมายที่ดี มีเจตนาบริสุทธิ์ที่ดีต่อประเทศชาติร่วมกัน การประสานความคิดส่วนดี ยึดในความคิดดีๆ ย่อมเป็นคุณต่อประเทศได้อย่างดีในที่สุด เขาไม่ได้โกรธที่ฮิลารีและทีมงาน อาจเคยขุดคุ้ย เปิดโปง ตั้งข้อสงสัยต่อตัวเขา เพราะเขาก็ตอบประเด็นเหล่านั้นไป จึงเป็นการต่อสู้ "คำถาม" และ "ข้อสงสัย" ด้วย "ความจริง" อย่างน่ายกย่องจริงๆ ไม่ใช่ "กลอุบาย" "ปกปิด" หรือ "เปลี่ยนเป็นเรื่องการเมือง" อันจะสร้างปัญหาต่อประเทศให้เลวร้ายลงได้
3. "มีคนกล่าวว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ ได้ทำให้อเมริกาอ่อนแอลงและแตกแยกมากขึ้น แต่ผมอยากจะบอกว่า ด้วยการเลือกตั้งครั้งนี้ มีชาวอเมริกันอีกหลายล้านคนที่ออกมาใช้เสียงเป็นครั้งแรก
มีผู้ที่เคยเป็นกลาง และหลายคนที่เคยสนับสนุนพรรครัฐบาลที่เข้าใจแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนพรรคการเมืองที่มาเข้าสู่อำนาจ แต่เป็นการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้เป็นการเมืองใหม่ในวอชิงตัน
**ทุกท่านสนับสนุนผู้แข่งขันที่ท่านศรัทธา แต่เราก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทุกท่านออกมารอลงคะแนนเสียง** ท่านไม่ได้มาลงคะแนนเสียงเพราะผม เพราะบิล คลินตัน หรือ คนอื่นๆ แต่ท่านมาลงคะแนนเพราะท่านรู้ด้วยหัวใจของท่านว่า ขณะที่ท่านลงคะแนนเสียงนั้น ท่านกำลังตัดสินอนาคตลูกหลานของท่าน เราไม่ยอมอีกแล้วที่จะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปเช่นนี้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เรายังติดค้างลูกหลานของเราและประเทศของเราที่จะต้องมีอนาคตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ และสำหรับเราทุกคนที่ฝันถึงสังคมใหม่ในวันนี้ ให้เราได้ร่วมมือกัน ให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อรวมพลังสร้างอนาคตใหม่ให้อเมริกา"
ผมได้รับแง่คิดมุมมองที่เป็นบทเรียนหลายประเด็นจากช่วงนี้ โอบามากับแมคเคนแข่งกันอย่างใสสะอาด โต้วาทีกันอย่างถึงพริกถึงขิง อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม จนทำให้เราเชื่อได้ว่า "โกหก" ยาก ประชาชนได้เห็นความจริง และเห็นตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน รัฐบาล สื่อมวลชนของเขาก็มีจิตวิญญาณ ไม่ใช่เข้าข้างผู้มีอำนาจ และก็ไม่ละเลยที่จะสร้างความถูกต้องชอบธรรมให้เกิดขึ้น
โอบามาไม่ได้เอาคะแนนนิยมต่อตนเองว่าเป็นเป้าหมายที่ทุกคนจะต้องมารักตัวเขาเป็นตัวบุคคล แต่ผู้นำสหรัฐอเมริกาเขาเคารพ และย้ำความเชื่อที่ถูกต้องว่า **ประชาชนมาลงคะแนนเพื่อประเทศที่เขารัก และเพื่อลูกหลานของเขา** การยึดถือประเทศ และลูกหลานเป็นศูนย์รวมดวงใจของเขาย่อมทำให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แทนที่จะเป็นพวกโอบามา พวกแมคเคน
แม้โอบามาจะเป็นผู้ชนะได้คะแนนเสียงสูง ยังถือว่าทุกเสียง ทุกคน คือเสียงเพื่อประเทศชาติ
โอบามาจึงเป็นผู้นำที่เป็นแบบอย่างผู้ยอมเสียสละส่วนตัว เพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เสียสละประเทศชาติ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อปกป้องส่วนตัว **ความสัตย์ซื่อมือสะอาด ปราศจากธุรกิจที่อาจนำไปสู่ข้อสงสัยแห่งความขัดกันของประโยชน์รัฐกับประโยชน์ส่วนตน** ทำให้เขาเป็นผู้นำแท้จริง และมีศักยภาพที่จะรวมพลังชาวอเมริกัน และสร้างแรงบันดาลใจให้ร่วมกันนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์นี้ ไปสู่ "การเปลี่ยนแปลง" เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของประเทศชาติและรุ่นลูกหลานได้สำเร็จในที่สุด
เราก็ร่วมภาวนาคาดหวังเช่นนั้นด้วยครับ เพราะถ้าอเมริกาพ้นวิกฤต โลกก็พ้นวิบัติครับ และสิ่งที่เห็นเป็นความหวัง เพราะผมเชื่อในหลักการ**"แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง" คือ แผ่นดินใดที่เป็นธรรม แผ่นดินนั้นจะเป็นทอง**ครับ
มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)