"เมอร์ริล ลินช์" คาดกลุ่มกองทุนสนใจซื้อหุ้นตลาดสหรัฐฯ มากกว่าเอเชีย หลังข้อเรียกร้อง "โอบามา" จี้สภาคองเกรส ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นศก. 1.75 แสนล้านดอลลาร์ ทันที หลังทราบผลการเลือกตั้ง รวมถึงการคืนเช็คภาษีให้กับผู้บริโภค การใช้สินเชื่อด้านภาษีเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน และการใช้จ่ายภาคสาธารณะ
วันนี้ ( 6 พ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมอร์ริล ลินช์ ได้คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ตลาดทุนโลก หลังนายบารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐฯ โดยเชื่อว่าภายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ กลุ่มผู้จัดการกองทุนจะให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้นในตลาดสหรัฐฯ มากกว่าหุ้นในตลาดเอเชีย เพราะเชื่อว่าคณะทำงานภายใต้การนำของนายบารัค โอบามา จะใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐให้กระเตื้องขึ้นได้
นายมาร์ แมทธิว นักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ของเมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีเม็ดเงินไหลออกจากยุโรปและเอเชียเข้าไปยังตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตราสหรัฐฯ เพราะได้รับอิทธิพลจากกระแสความนิยมชมชอบในตัวโอบามา และความเชื่อที่ว่าคณะทำงานของโอบามาจะใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ อาจกล่าวได้ว่า ชัยชนะของโอบามาไม่ค่อยส่งผลในทางตรงต่อตลาดหุ้นในเอเชีย
ทั้งนี้ เมอร์ริล ลิชน์ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในตลาดสหรัฐหากโอบามาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป โดยโอบามาคว้าชัยชนะเหนือจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ด้วยคะแนน 52.3% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช มีชัยชนะเหนือนายไมเคิล ดูคากิส จากพรรคเดโมแครตในปีพ.ศ.2531
นายโอบามา เรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์ทันทีที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีจบสิ้นลง ซึ่งรวมถึงการคืนเช็คภาษีให้กับผู้บริโภค การใช้สินเชื่อด้านภาษีเพื่อกระตุ้นการจ้างงานและการใช้จ่ายภาคสาธารณะ อาทิ โครงการซ่อมบำรุงโรงเรียน ถนน และสะพาน
