ตลาดหลักทรัพย์ ฯ เพิกถอนหุ้น SRI หลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และสั่งยกเลิกฟื้นฟูกิจการ เพราะเจ้าหนี้ไม่รับแผนฟื้นฟูกิจการถึง 2 ครั้ง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดประชุมเจ้าหนี้ เพื่อนําเสนอต่อศาลพิพากษาให้บริษัทล้มละลายและจําหน่ายทรัพย์สินเพื่อเฉลี่ยหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ต่อไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า ตามที่ ตลท .ได้ประกาศให้หลักทรัพย์ของ SRI เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2547 อันเนื่องจากงบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2547 ของบริษัท ปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่าศูนย์ และกำหนดให้บริษัทจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนให้หมดไปนั้น
บริษัท ได้รายงานความคืบหน้าการแก้ไขเหตุเพิกถอนมาเป็นระยะ โดยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ศาลล้มละลายครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2547 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2549 แต่เจ้าหนี้มีมติไม่รับแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัททั้ง 2 ครั้ง ศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท จนกระทั่งบริษัทได้ประกาศหยุดการประกอบธุรกิจทั้งหมดแล้วเมื่อ 13 มีนาคม 2550 และต่อมาบริษัทแจ้งว่าศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเด็ดขาด ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2551
การที่งบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2547 ของบริษัทปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่าศูนย์และบริษัทถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เป็นเหตุที่ทำให้หุ้นสามัญของบริษัทอาจถูกเพิกถอน ตามข้อ 9 (6) (ง) และ (8) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2542 ซึ่งบริษัทไม่สามารถแก้ไขเหตุดังกล่าวให้หมดไปได้
อาศัยอํานาจตามมาตรา 171 (4) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงมีมติให้เพิกถอนหลักทรัพย์ของ SRI จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2551 โดยไม่ต้องเปิดให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ SRI ก่อนการเพิกถอน เนื่องจาก SRI ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และอยู่ในขั้นตอนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดให้มีการประชุมเจ้าหนี้ เพื่อนําเสนอต่อศาลพิพากษาให้บริษัทล้มละลายและจําหน่ายทรัพย์สินเพื่อเฉลี่ยหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ต่อไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า ตามที่ ตลท .ได้ประกาศให้หลักทรัพย์ของ SRI เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2547 อันเนื่องจากงบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2547 ของบริษัท ปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่าศูนย์ และกำหนดให้บริษัทจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนให้หมดไปนั้น
บริษัท ได้รายงานความคืบหน้าการแก้ไขเหตุเพิกถอนมาเป็นระยะ โดยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ศาลล้มละลายครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2547 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2549 แต่เจ้าหนี้มีมติไม่รับแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัททั้ง 2 ครั้ง ศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท จนกระทั่งบริษัทได้ประกาศหยุดการประกอบธุรกิจทั้งหมดแล้วเมื่อ 13 มีนาคม 2550 และต่อมาบริษัทแจ้งว่าศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเด็ดขาด ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2551
การที่งบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2547 ของบริษัทปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่าศูนย์และบริษัทถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เป็นเหตุที่ทำให้หุ้นสามัญของบริษัทอาจถูกเพิกถอน ตามข้อ 9 (6) (ง) และ (8) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2542 ซึ่งบริษัทไม่สามารถแก้ไขเหตุดังกล่าวให้หมดไปได้
อาศัยอํานาจตามมาตรา 171 (4) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงมีมติให้เพิกถอนหลักทรัพย์ของ SRI จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2551 โดยไม่ต้องเปิดให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ SRI ก่อนการเพิกถอน เนื่องจาก SRI ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และอยู่ในขั้นตอนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดให้มีการประชุมเจ้าหนี้ เพื่อนําเสนอต่อศาลพิพากษาให้บริษัทล้มละลายและจําหน่ายทรัพย์สินเพื่อเฉลี่ยหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ต่อไป