“เหมราช” ยังแข็งแกร่ง วิกฤตสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลในระยะสั้นเท่านั้น ชูยอดขายที่ดินล่าสุดประมาณ 1.5 พันไร่ จากเป้าที่ตั้งไว้ 1.7 พันไร และเลื่อนกำหนดการขายหุ้นกู้ระยะ 3-5 ที่มีมูลค่า 2-3 พันล้าน ออกไปเป็นต้นปี 52 ส่วนแผนงานปีหน้าคาดชะลอการลงทุนขนาดใหญ่และหันมาลงทุนในโครงการขนาดเล็กแทน
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ และกรรมการบริหาร บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ) กล่าวว่า วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐอเมริกาและสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อบริษัทในระยะสั้นการลงทุนจะชะลอกตัวบ้าง อย่างไรก็ตามในระยาว “เหมราช” ยังมีฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงมองว่าประเทศไทยและเอเชีย มีพลังในการขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตหกรรมปิโตรเคมี อักทั้งยังเป็นตลาดผุ้บริโภคขนาดใหญ่ในศวรรตหน้า
โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทมีลูกค้าอยู่ประมาณ 21 ราย จำนวน 41 สัญญา และคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีลูกค้าใหม่ทั้งหมด 30 ราย จาก 65 สัญญา โดยลูกค้า 1 ใน 3 เป็นลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่มากที่สุด รวมถึงในปีนี้บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจทั้งในด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม การให้บริการสาธารณูปโภค และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทในช่วง 4–6 ปีข้างหน้า โครงการโรงผลิตไฟฟ้า 660 เมกะวัตต์ “เกคโค่ วัน” จะสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องเริ่มจากปี 2555 นอกจากนี้ เหมราชยังมีแผนลงทุนลงทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าอีก 2 แห่ง
บริษัทมียอดขายที่ดินล่าสุดประมาณ 1.5 พันไร่ จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ตลอดทั้งปี 1.7 พันไร่ ซึ่งเป็นการปรับเป้ายอดขายเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งแรกตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ 1.3 พันไร่ อีกทั้งยังคาดว่าผลประกอบการในสิ้นปีนี้จะดีที่สุด ตั้งแต่ตั้งบริษัทมาจากแผนการขยายธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ โครงการคอนโดเดอะพาร์ซีดที่มูลค่าโครงการ 5-6 พันล้านบาท ล่าสุดมียอดขาย 83% ซึ่งคาดว่าจะสามารถโอนให้กับผู้อยู่อาศัยทั้งหมดแล้วเสร็จในปีนี้ทั้งนี้บริษัทได้เลื่อนขายหุ้นกู้ระยะอายุ 3-5 ปี ที่มีมูลค่ารวม 2-3 พันล้านบาทไปเป็นต้นปี 52 จากเดิมที่กำหนดจะออกขายประมาณกลางเดือนตุลาคม เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย
สำหรับในปี 2552 บริษัทมีแผนจะขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยมองไว้เป็นโครงการขนาดเล็ก 1-2 โครงการ ด้วยมูลค่า 500-1,000 ล้านบาทต่อโครงการ จากเดิมที่จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 5-6 พันล้าน และมีแผนจะซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมมูลค่า 300-400 ล้านบาท จากที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิมประมาณหมื่นไร่
ด้านนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ และผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า บริษัทมีการดำเนินงานโดยให้ความสำคัญต่อการดูแลสิ่งแวดล้อมและการรับผิดชอบต่อสังคม โดยถือเป็นนโยบายสำคัญในการดำเนินธุรกิจของทางบริษัท
"ราคาาหุ้นของ HEMRAJ ล่าสุดอยู่ที่ 0.70 บาท ซี่งเป็นราคาที่ต่ำมาก โดยมองว่าราคาหุ้นน่าจะอยู่ที่ 7 บาท และทางบริษัทไม่นโยบายในการซื้อหุ้นคืน รวมถึงถ้าหากเป็นตนเองจะเข้าไปซื้อหุ้นคืนเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า" นายสวัสดิ์ กล่าว
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ และกรรมการบริหาร บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ) กล่าวว่า วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐอเมริกาและสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อบริษัทในระยะสั้นการลงทุนจะชะลอกตัวบ้าง อย่างไรก็ตามในระยาว “เหมราช” ยังมีฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงมองว่าประเทศไทยและเอเชีย มีพลังในการขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตหกรรมปิโตรเคมี อักทั้งยังเป็นตลาดผุ้บริโภคขนาดใหญ่ในศวรรตหน้า
โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทมีลูกค้าอยู่ประมาณ 21 ราย จำนวน 41 สัญญา และคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีลูกค้าใหม่ทั้งหมด 30 ราย จาก 65 สัญญา โดยลูกค้า 1 ใน 3 เป็นลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่มากที่สุด รวมถึงในปีนี้บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจทั้งในด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม การให้บริการสาธารณูปโภค และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทในช่วง 4–6 ปีข้างหน้า โครงการโรงผลิตไฟฟ้า 660 เมกะวัตต์ “เกคโค่ วัน” จะสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องเริ่มจากปี 2555 นอกจากนี้ เหมราชยังมีแผนลงทุนลงทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าอีก 2 แห่ง
บริษัทมียอดขายที่ดินล่าสุดประมาณ 1.5 พันไร่ จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ตลอดทั้งปี 1.7 พันไร่ ซึ่งเป็นการปรับเป้ายอดขายเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งแรกตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ 1.3 พันไร่ อีกทั้งยังคาดว่าผลประกอบการในสิ้นปีนี้จะดีที่สุด ตั้งแต่ตั้งบริษัทมาจากแผนการขยายธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ โครงการคอนโดเดอะพาร์ซีดที่มูลค่าโครงการ 5-6 พันล้านบาท ล่าสุดมียอดขาย 83% ซึ่งคาดว่าจะสามารถโอนให้กับผู้อยู่อาศัยทั้งหมดแล้วเสร็จในปีนี้ทั้งนี้บริษัทได้เลื่อนขายหุ้นกู้ระยะอายุ 3-5 ปี ที่มีมูลค่ารวม 2-3 พันล้านบาทไปเป็นต้นปี 52 จากเดิมที่กำหนดจะออกขายประมาณกลางเดือนตุลาคม เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย
สำหรับในปี 2552 บริษัทมีแผนจะขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยมองไว้เป็นโครงการขนาดเล็ก 1-2 โครงการ ด้วยมูลค่า 500-1,000 ล้านบาทต่อโครงการ จากเดิมที่จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 5-6 พันล้าน และมีแผนจะซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมมูลค่า 300-400 ล้านบาท จากที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิมประมาณหมื่นไร่
ด้านนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ และผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า บริษัทมีการดำเนินงานโดยให้ความสำคัญต่อการดูแลสิ่งแวดล้อมและการรับผิดชอบต่อสังคม โดยถือเป็นนโยบายสำคัญในการดำเนินธุรกิจของทางบริษัท
"ราคาาหุ้นของ HEMRAJ ล่าสุดอยู่ที่ 0.70 บาท ซี่งเป็นราคาที่ต่ำมาก โดยมองว่าราคาหุ้นน่าจะอยู่ที่ 7 บาท และทางบริษัทไม่นโยบายในการซื้อหุ้นคืน รวมถึงถ้าหากเป็นตนเองจะเข้าไปซื้อหุ้นคืนเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า" นายสวัสดิ์ กล่าว