แรงฮึดจุดพลุตลาดหุ้นไทย ดัชนีเปิดตลาดภาคบ่ายบวกแรงกว่า 5% รีบาวน์ทะลุ 400 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค โบรกฯ เผยไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะปรับขึ้น 30-40 จุด เพราะช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ดัชนีรูดไปกว่า 100 จุด ระบุ "ฟอร์ซเซล" เริ่มจางลง ต่างชาติยังขายสุทธิ ไม่มั่นใจจุดต่ำสุดของปี เตือนระวังความเสี่ยงยังมีสูง
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (28 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดภาคบ่ายดีดแรงกว่า 5% พุ่งทะลุ 400 จุดไปแล้ว โดยมีแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน คาดเป็นเทคนิคเคิลรีบาวน์ตามตลาดหุ้นญี่ปุ่น ฮ่องกง และเกาหลี ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 14.29 น. แรงซื้อหุ้นใหญ่จุดพลุดัชนีปรับขึ้นมาที่ 405.86 จุด เพิ่มขึ้น 20.37 จุด เปลี่ยนแปลง +5.26% และค่อยๆ อ่อนตัวลง โดยเมื่อเวลา 14.45 น. ดัชนีปรับลงไปอยู่ที่ระดับ 403.15 จุด บวก 15.72 จุด เปลี่ยนแปลง +4.06%
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า การปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยช่วงบ่าย เป็นการรีบาวน์ตามตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นหั่งเส็ง ที่ปรับเพิ่มขึ้น +13% และดัชนีนิกเคอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับขึ้น +6.4% และเมื่อวานดัชนีปรับลงมาเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากฟอร์ซเซลด้วย ช่วงเช้าก็ยังมีฟอร์ซเซลอยู่ ยังไม่หมด แต่ช่วงบ่ายพอฟอร์ซเซลเริ่มจางลง ประกอบกับตลาดต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น ก็มีส่วนช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นตามไปด้วย จะสังเกตุว่าแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มหลักอย่างพลังงงานและแบงก์
"เป็นเทคนิคเคิลรีบาวน์ คือหุ้นบ้านเรา 3 วันที่ผ่านมาหุ้นร่วงลงมาเกือบ 100 จุด ฉะนั้นถ้าจะขึ้นมา 20-30 จุด ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะตลาดยังไม่นิ่ง แต่คิดว่าวันนี้น่าจะปิดในแดนบวก ดูดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์ยบวก 300 จุด และเห็นตลาดต่างประแทศเขียวๆ ก็ดึงดูดให้น่าลงทุน ตอนนี้เพิ่งผ่าน Index ที่ 400 จุด ถ้าขึ้นไปใกล้ๆ 420 จุด ก็คิดว่ามีแรงขาย อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างประเทศยังขายอยู่ โดยช่วงเช้ามี net sell อยู่ประมาณ 900 ล้านบาท"
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า มองว่า ตลาดหุ้นรีบาวน์สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าที่ปรับขึ้นไป อย่างไรก็ตามสัญญาณในตลาดหุ้นล่วงหน้าฝั่งยุโรปกลับดูไม่เป็นใจ คือแดงเป็นส่วนใหญ่ สะท้อนถึงความผันผวนที่สูงมากของตลาดหุ้นทั่วโลก
ที่ทำให้หุ้นขึ้น
แต่การปรับตัวขึ้นมายังไม่รู้จะยั่งยืนแค่ไหน จากเหตุผลดัชนีปรับลงแรง (Underperformed) โดยหุ้นไทยทรุดลงเกือบ 60% จากระดับ Peak ของปีที่ระดับ 886 จุด , ถูกไป (Undervalued) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่ตอนนี้ PE ตลาดหุ้นไทยเหลือไม่ถึง 6 เท่า และเทคนิคดี (Bullish Divergence) ตราบใดที่ไม่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดเช้านี้ที่ 383.63 จุด เป้าหมายระยะสัปดาห์นี้คือ 475-485 จุด หรือคนที่ชอบชัวร์ๆ ก็รอเกินระดับ 410 จุด แล้วค่อยตามก็ได้
แม้ว่า ดัชนีและราคาหุ้นแถวนี้จะถือว่าถูกมาก แต่ไม่สามารถฟันธงได้ว่าตรงนี้คือจุดต่ำสุด (bottom) ของตลาดหุ้นไทย เพราะสถานการณ์ข้างหน้า โดยเฉพาะผลกระทบที่จะตามมาภายหลังวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ครั้งนี้ใหญ่หลวง และยังไม่ทราบความเสียหายที่แท้จริง
โดยเมื่อเวลา 15.41 น. ดัชนีอ่อนตัวลงมาที่ระดับ 400.94 จุด เพิ่มขึ้น 13.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 13,404.39 ล้านบาท
ทั้งนี้ พบว่าดัชนีหุ้นไทยดีดขึ้นแรง 5% ได้แค่ในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย และค่อยๆ อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 398.04 จุด เพิ่มขึ้น 10.61 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +2.74% มูลค่าการซื้อขาย 16,781.27 ล้านบาท