PHATRA ไตรมาส 3 ปีนี้กำไรทรุด 44 % ผลจากรายได้เกือบทุกสายธุรกิจลดลง โดยเฉพาะค่านายหน้าการซื้อขายหลักทรัพย์ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการล้วนหดตัว เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดหลักทรัพย์ลดลง ส่วน 9 เดือนกำไรขยับเกิน 4% เพราะได้อานิสงส์การเป็นที่ปรึกษาในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ให้กับ เอสโซ่
นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ( PHATRA) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ สิ้นสุด 30 กันยายน 2551 ว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 75.04 ล้านบาท ลดลง 59.04 ล้านบาทหรือ 44.04% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 134.08 ล้านบาท ขณะที่งวดเก้าเดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 2551 เท่ากับ 371.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 14.60 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 4.09% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมี กำไรสุทธิ 357.31 ล้านบาท
โดยเป็นผลจากรายได้เกือบทุกธุรกิจของบริษัทลดลง คือไตรมาส 3 ปีนี้มีรายได้ 254.03 ล้านบาท ลดลง 188.03 ล้านบาทหรือลดลง 42.53 % จากยอดรายได้รวม 442.06 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากรายได้ค่านายหน้าการซื้อขายหลักทรัพย์ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการล้วนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันในตลาดหลักทรัพย์ลดลง แม้จะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก รายได้ค่านายหน้าและลูกค้าสถาบันต่างประเทศและในประเทศ ตลอดจนลูกค้าบุคคลรายใหญ่
ส่วนรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าล้วนลดลง อีกทั้งขาดทุนเพิ่มจากการซื้อตราสารอนุพันธ์ ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่ม จากการตอบแทนในการลงทุน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงจากการลดลงของค่าใช้จ่ายพนักงาน ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ของบริษัทฯ ที่ลดลง
ส่วนโครงสร้างรายได้ในงวด 9 เดือน มี 1,109.68 ล้านบาท ลดลง 39.25 ล้านบาทหรือลดลง 3.42 % จากรายได้รวม 1,148.93 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ค่าซื้อขายหลักทรัพย์ต่อวันเพิ่มขึ้น และมีส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมในงวดเก้าเดือนแรกปีนี้เพิ่มจาก 5.66% เป็น 6.22% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่มี่รายได้ค่านายหน้าลดลง
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และรายได้จากที่ปรึกษาทางการเงิน ส่งผลให้งวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ 371.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.09% จากงวดเดียวกันขอบปีก่อน
นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ( PHATRA) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ สิ้นสุด 30 กันยายน 2551 ว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 75.04 ล้านบาท ลดลง 59.04 ล้านบาทหรือ 44.04% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 134.08 ล้านบาท ขณะที่งวดเก้าเดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 2551 เท่ากับ 371.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 14.60 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 4.09% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมี กำไรสุทธิ 357.31 ล้านบาท
โดยเป็นผลจากรายได้เกือบทุกธุรกิจของบริษัทลดลง คือไตรมาส 3 ปีนี้มีรายได้ 254.03 ล้านบาท ลดลง 188.03 ล้านบาทหรือลดลง 42.53 % จากยอดรายได้รวม 442.06 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากรายได้ค่านายหน้าการซื้อขายหลักทรัพย์ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการล้วนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันในตลาดหลักทรัพย์ลดลง แม้จะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก รายได้ค่านายหน้าและลูกค้าสถาบันต่างประเทศและในประเทศ ตลอดจนลูกค้าบุคคลรายใหญ่
ส่วนรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าล้วนลดลง อีกทั้งขาดทุนเพิ่มจากการซื้อตราสารอนุพันธ์ ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่ม จากการตอบแทนในการลงทุน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงจากการลดลงของค่าใช้จ่ายพนักงาน ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ของบริษัทฯ ที่ลดลง
ส่วนโครงสร้างรายได้ในงวด 9 เดือน มี 1,109.68 ล้านบาท ลดลง 39.25 ล้านบาทหรือลดลง 3.42 % จากรายได้รวม 1,148.93 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ค่าซื้อขายหลักทรัพย์ต่อวันเพิ่มขึ้น และมีส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมในงวดเก้าเดือนแรกปีนี้เพิ่มจาก 5.66% เป็น 6.22% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่มี่รายได้ค่านายหน้าลดลง
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และรายได้จากที่ปรึกษาทางการเงิน ส่งผลให้งวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ 371.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.09% จากงวดเดียวกันขอบปีก่อน