PHATRA แจ้งผลงานปี50 หด 32.67% เหตุจากรายได้หลักจากค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง รวมทั้งภาวะตลาดทุนที่ซบเซาและขาดงานวาณิชธนกิจขนาดใหญ่ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการต่ำกว่าปีก่อน
นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (PHATRA) แจ้งผลการดำเนินงานปี50 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 484.99 ล้านบาท ลดลง 235.39 ล้านบาท หรือ 32.67% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 720.38 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงเหลือ 2.27 บาท จากเดิม 3.37 บาท ในปี49
เนื่องจากรายได้รวมลดลง 377.08 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.37% อยู่ที่ 1,569.34 ล้านบาท โดยรายได้หลักจากค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 157.56 ล้านบาท ด้วยในปี50 บริษัทได้ทำสัญญาลักษณะคู่ค้ากับเมอร์ริล ลินช์ ทำให้อัตราค่าธรรมเนียมการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยรวมของบริษัทในปี 2550 เปลี่ยนแปลงจาก 0.25% เป็นอัตราเฉลี่ย 0.22% และมีส่วนแบ่งการตลาดต่ำลง
โดยเป็นผลจากภาวะตลาดทุนที่ซบเซาและบริษัทไม่มีผลงานด้านวาณิชธนกิจที่มีขนาดใหญ่ ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง เช่นเดียวกับรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลที่ลดลง ขณะที่บริษัทมีรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น และกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์หลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีการขายเงินลงทุนประเภทหลักทรัพย์เผื่อขายไปบางส่วน รวมทั้งบริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมลดลง
นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (PHATRA) แจ้งผลการดำเนินงานปี50 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 484.99 ล้านบาท ลดลง 235.39 ล้านบาท หรือ 32.67% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 720.38 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงเหลือ 2.27 บาท จากเดิม 3.37 บาท ในปี49
เนื่องจากรายได้รวมลดลง 377.08 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.37% อยู่ที่ 1,569.34 ล้านบาท โดยรายได้หลักจากค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 157.56 ล้านบาท ด้วยในปี50 บริษัทได้ทำสัญญาลักษณะคู่ค้ากับเมอร์ริล ลินช์ ทำให้อัตราค่าธรรมเนียมการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยรวมของบริษัทในปี 2550 เปลี่ยนแปลงจาก 0.25% เป็นอัตราเฉลี่ย 0.22% และมีส่วนแบ่งการตลาดต่ำลง
โดยเป็นผลจากภาวะตลาดทุนที่ซบเซาและบริษัทไม่มีผลงานด้านวาณิชธนกิจที่มีขนาดใหญ่ ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง เช่นเดียวกับรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลที่ลดลง ขณะที่บริษัทมีรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น และกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์หลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีการขายเงินลงทุนประเภทหลักทรัพย์เผื่อขายไปบางส่วน รวมทั้งบริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมลดลง
