"สมคิด" ชี้ ปัญหาขัดแย้ง รมว.คลัง-ผู้ว่าฯ ธปท. ยังสามารถคุยกันได้ เพราะเป็นแค่แนวคิด ไม่มีเจตนาทะเลาะกัน พร้อมยอมรับ ปีหน้าศก.ไทยเข้าสู่จุดถดถอย ทั้งวิกฤตโลก-การเมืองภายใน ตำหนิ "รัฐบาลชาย" ไม่ควรผลักดันประเทศไปสู่จุดเสี่ยงมากขึ้น
วันนี้ ( 21 ต.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการปาฐกถา 2009 โอกาสและอุปสรรคธุรกิจไทยในเวทีเศรษฐกิจโลก โดยระบุถึงแนวคิดของ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ต้องการให้เงินบาทอ่อนค่าลง 5% เพื่อหนุนการส่งออก , การขยายเวลาการค้ำประกันเงินฝาก 3 ปี และเลื่อนการใช้เกณฑ์บาเซิล 2 ของธนาคารพาณิชย์ โดยมองว่า คงเป็นเจตนาที่ดี ซึ่งควรให้เวลากระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือกันอย่างใกล้ชิดในทุกเรื่อง อย่าเพิ่งด่วนสรุป
"ผมเชื่อว่า เรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้น คงจะตกลงกันได้ เพราะการดำเนินนโยบายการเงินการคลัง จะต้องผสมผสานไปด้วยกัน เพื่อประคับประคองให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้"
นายสมคิด ยังกล่าวด้วยว่า ความสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ไทยกำลังเผชิญภาวะลำบาก ประชาชนต้องการความมั่นใจ ซึ่งดูจากความสามัคคีของรัฐบาลและหน่วยงานราชการ อะไรที่แสดงออกมาต้องทำให้เกิดความมั่นใจ ความเห็นที่ไม่ตรงกันก็ต้องหาข้อสรุปร่วมกันให้ได้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น โดยเชื่อว่าทั้งนายสุชาติ และนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. ไม่มีเจตนาจะขัดแย้งกัน แต่ก็ควรหารือและพูดคุยกันก่อน
นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าทุกฝ่ายจะห่วงปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แต่อย่าไปกังวลเกินเหตุ ต้องมีสติเตรียมตัวให้พร้อม มีความสามัคคี เพราะฐานะของประเทศไทยยังคงใช้ได้ การเตรียมพร้อมไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเมื่อถึงเวลาคับขันจะได้มีมาตรการออกมาดำเนินการแก้ปัญหาได้ ไม่เหมือนวิกฤติปี 2540 ที่ประเทศไทยไม่ได้เตรียมมาตรการอะไรไว้ ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
สำหรับปัญหาผลกระทบขากเศรษฐกิจโลก นายสมคิด มองว่าในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงถดถอยอย่างแน่นอน จากภาวะเศรษฐกิจโลกและปัญหาภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากบ้านเมืองที่อยู่ในภาวะไม่ปกติ พร้อมจะเกิดความแตกแยกรุนแรงได้ตลอดเวลา
นายสมคิด ระบุว่า รัฐบาลที่ไม่สามารถบริหารงานได้ และความไม่มีบทบาทในสายตานานาประเทศไม่มีแรงต่อรองใดๆ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาความมั่นคงของประเทศ ทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ฉะนั้นรัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ ด้วยการเจรจาเคารพความเห็นของทุกฝ่ายไม่ผลักดันประเทศไปสู่จุดเสี่ยงเพิ่มขึ้น
สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีแนวโน้มทรุดตัวอย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันมองแค่ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ขาดการวางแผนและมองปัญหาระยะยาวในการกระตุ้นภาคการส่งออก และภาคการเกษตร ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วง
"พื้นฐานเศรษฐกิจของเราไม่ใช่ปัญหา เราต้องร่วมกันหาทางออกอย่างรอบคอบและไม่ประมาท โดยหาทางที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงมีเวลาที่เจรจา โดยต้องเคารพความเห็นของทุกฝ่าย รวมถึงภาวะนี้ต้องมีรัฐบาลที่ทำงานได้ และต้องสร้างศรัทธาให้ประชาชนยอมรับ ถ้าทำไม่ได้ไทยก็เหมือนผลักตัวเองไปสู่จุดเสี่ยง"
อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะต้องมีการปฏิรูปการเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคต และหากไม่เกิดการพัฒนาประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถ้อย และเชื่อว่าจะไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้อีก