ผู้ว่าการ ธปท.สวนกลับแนวคิด รมว.คลัง ให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลง 5% มองปัญหาแค่ด้านเดียว ระบุ ยุคเงินบาทภิวัฒน์จะมากำหนดให้ค่าเงินอยู่ในช่วงที่ต้องการ คงทำไม่ได้ เพราะโลกใบเล็กลง-ค่าเงินทุกสกุลในขณะนี้ ก็อ่อนลงอยู่แล้ว เพราะประสบปัญหาเงินไหลออก
วันนี้ (20 ต.ค.) นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายสุชาติ ธาราธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอแนวคิดให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลง 5% โดยระบุว่า ปัจจุบัน ธปท.ดูแลให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาคอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นอยู่และถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด อีกทั้งในปัจจุบันหากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาคได้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำอย่างไร
“สมัยนี้จะมากำหนดให้ค่าเงินบาทอยู่ในเรนจน์ที่ต้องการทำไม่ได้ เพราะโลกใบเล็กลงเงินก็ถึงกันหมดมันทำได้ยาก และค่าเงินทุกสกุลในขณะนี้ก็อ่อนลงอยู่แล้ว เพราะประสบปัญหาเงินไหลออก” นางธาริษา กล่าว
ส่วนกรณีที่ทางกระทรวงการคลังเสนอให้ขยายระยะเวลาในการคุ้มครองเงินฝาก 100% ออกไปอีก 2 ปีจาก 1 ปี เป็น 3 ปี ว่า เรื่องนี้จะต้องให้กรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝากพิจารณาต่อไป ซึ่ง ธปท. มีตัวแทนอยู่ในคณะกรรมการดังกล่าว แต่ในปัจจุบัน ธปท.ไม่ได้ปฎิเสธว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว โดยขณะนี้ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับการคุ้มครองเงินฝาก ปัจจุบันยังคุ้มครองให้เฉพาะผู้ฝากเงินเท่านั้น โดยยังไม่ครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองเงินฝากให้กับสถาบันการเงิน เพราะสถาบันการเงินก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะมีเงินที่กู้ยืมมาจากต่างประเทศไม่มาก โดยเงินที่ปล่อยกู้ส่วนใหญ่มาจากเงินฝากในประเทศ
“หลายประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนแปลงมาทำเหมือนที่เรามีอยู่ ซึ่งก็ชี้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ดีอยู่แล้ว” นางธาริษา กล่าวและเสริมว่า
กรณีที่ทางกระทรวงการคลังเสนอให้มีการเลื่อนการใช้บาเซิล 2 ออกไป มองว่า ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมในหลายๆ เรื่อง อีกทั้งหากมีการใช้บาเซิล 2 ทำให้บางรายการต้องการเงินกองทุนมากขึ้น แต่หลายๆ เรื่องก็ต้องการเงินกองทุนน้อยลง เช่นในส่วนของสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ก่อนหน้านี้มีน้ำหนักความเสี่ยง 100% แต่หลังจากใช้บาเซิล 2 จะลดน้ำหนักความเสี่ยงลงเหลือ 75%
ส่วนเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นมองว่า มีผลต่อการลดต้นทุนการเงินระดับหนึ่ง แต่ปัจจุบันต้นทุนทางการเงินของไทยอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และระดับอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันสามารถหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ ซึ่งหากต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัวเพื่อมาชดเชยการส่งออกที่ชะลอลงนั้น ต้องหามาตรการอื่นมาเสริมโดยเฉพาะหาวิธีกระตุ้นการท่องเที่ยวที่หดตัวลงในช่วงที่ผ่านมา
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวต่อถึง กรณีที่ทางการเนเธอร์แลนด์อัดฉีดสภาพคล่องให้กับไอเอ็นจีโกรปเอ็นวี ประเทศเนเธอร์แลนด์ว่า ขณะนี้ประเทศต่างๆ ดูแลสถาบันการเงินของตน และถือว่าการอัดฉีดสภาพคล่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีเป็นการเพิ่มความมั่นใจและมองเรื่องดังกล่าวเป็นเชิงบวก