คลังเรียกประชุมด่วนตั้งบอร์ดเอสเอ็มอีแบงก์ แก้ปัญหาหมักหมมกว่า 2 ปี จี้สางเผือกร้อน FRCD หลังสถานการณ์พลิกกลับมามีกำไร หึ่ง “จักรมณฑ์ ผาสุกวณิช” กลับมานั่งประธานบอร์ดต่อหลังเกษียณอายุ ขณะที่สหภาพแรงงานเตรียมยื่นคำร้องบอร์ดชุดใหม่แก้ปัญหาสร้างความเป็นธรรมและขวัญกำลังใจให้กับพนักงาน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (17 ต.ค.) กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ จะมีการเรียกประชุมวิสามัญเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการธนาคารชุดใหม่ขึ้นมาหลังจากที่คณะกรรมการและคณะกรรมการบริหารชุดเดิมได้ลาออกไป ซึ่งหลังจากการแต่งตั้งบอร์ดชุดใหญ่เสร็จสิ้นแล้วจะมีการเลือกประธานบอร์ดและแต่งตั้งบอร์ดบริหารขึ้นมาทำหน้าที่โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคมนี้
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่มีการก่อตั้งเอสเอ็มอีแบงก์ขึ้นมาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 ในการเลือกประธานบอร์ดทุกครั้งจะเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนประธานบอร์ดบริหารจะเป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ทั้งที่กฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เอสเอ็มอีแบงก์ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นโดยตำแหน่งแต่อย่างใด และที่ผ่านมามีการแต่งตั้งตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมเข้ามาเป็นกรรมการและกรรมการบริหารทำให้การดำเนินงานของธนาคารไม่สามารถเดินหน้าไปได้เท่าที่ควร รวมทั้งมีการแทรกแซงจากทางการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์กันอย่างมากมาย โดยที่ข้าราชการประจำที่เป็นบอร์ดและบอร์ดบริหารไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“หวังว่าการเลือกบอร์ดชุดใหม่ในครั้งนี้จะได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้ามาบ้าง เป็นนักการเงินการธนาคารและการประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ข้าราชการประจำที่มานั่งเป็นบอร์ดแบงก์มีความรู้จากภาคธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มมากขึ้นและทำให้แบงก์สามารถพัฒนาลูกค้าเอสเอ็มอีที่เป็นภาคการผลิตที่สำคัญของประเทศได้” แหล่งข่าวกล่าว
***เผือกร้อนแก้ปัญหา FRCD
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า การเข้ามาของบอร์ดชุดนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นช่วงที่เอสเอ็มอีแบงก์ตกอยู่ในช่วงที่มีปัญหารอบด้านโดยเฉพาะปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลที่อยู่ในระดับสูงถึง 50% ของสินเชื่อ รวมทั้งการเดินหน้าขยายสินเชื่อก็ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย โดยในปีนี้ตั้งเป้าสินเชื่อไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาทแต่สามารถทำได้เพียง 1.5 หมื่นล้านบาทเทานั้น
นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของอาคารที่ยังไม่มีการปรับปรุงมาเป็นระยะเวลานานถึง 2 ปี ซึ่งหลายหน่วยงานของธนาคารต้องไปเช่าสถานที่เพื่อทำงานทั้งๆ ที่มีอาคารเป็นของตนเองทำให้เกิดต้นทุนการดำเนินงานขึ้นมาทั้งที่ไม่ควรจะเป็น รวมทั้งธนาคารประสบปัญหาขาดทุนมา 3 ปีติดต่อกันทำให้เงินกองทุนของธนาคารลดลงตามไปด้วย
“มีเรื่องสำคัญอีกมากมายที่บอร์ดชุดใหม่ต้องเข้ามาสะสางปัญหาที่กองอยู่ท่วมแบงก์โดยเฉพาะเรื่องด่วนคือตราสารFRCD ที่มีปัญหาป้องร้องกับธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) (SCBT) และบอร์ดชุดเดิมประกาศให้เป็นโมฆะเพราะไม่ต้องการเสียค่าปรับให้กับ SCBT แต่เมื่อดอกเบี้ยไลบอร์เพิ่มขึ้นตามเงื่อนไขทำให้แบงก์ได้รับผลประโยชน์แต่ผู้บริหารที่มีอยู่ของแบงก์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเงินที่ได้เข้ามาเรื่อยๆ นี้” แหล่งข่าวกล่าว
***ลือหึ่ง “จักรมณฑ์” คัมแบ็ก
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะส่งนายจักรมณฑ์ ผาสุกวณิช อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกษียณอายุเข้ามาเป็นบอร์ดอีกครั้งซึ่งสามารถอยู่ได้จนถึงอายุ 65 ปี แต่ในการนั่งเป็นบอร์ดที่เอสเอ็มอีแบงก์ของนายจักรมณฑ์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีผลงานใดๆ ที่โดดเด่นออกมาและยังมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นอีกมากมายในเอสเอ็มอีแบงก์
***พนักงานร้องขอความเป็นธรรม
แหล่งข่าวจากสหภาพแรงงานเอสเอ็มอีแบงก์กล่าวว่า หลังจากที่มีการแต่งตั้งบอร์ดธนาคารชุดใหม่ขึ้นมาสหภาพธนาคารฯ จะได้เสนอข้อเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับพนักงานเนื่องจากที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดพนักงานเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อทุจริตโดยใช้ระยะเวลามานานกว่า 2 ปีรวมทั้งเป็นการสอบแบบเหวี่ยงแหทำให้พนักงานขาดขวัญและกำลังใจในการลงไปดูแลลูกค้ารายอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีกรณีการจ้างงานที่ไม่ยอมบรรจุเป็นพนักงานประจำแต่ทำในลักษณะสัญญาจ้างซึ่งส่วนนี้ทำให้ไม่ได้รับสวัสดิการอย่างเท่าเทียมกับพนักงานคนอื่น จึงส่งผลให้เกิดการสมองไหลลาออกไปทำงานกับธนาคารพาณิชย์อื่น และยังมีการปรับเลื่อนขั้นที่ไม่เป็นธรรมของพนักงานชั้นผู้น้อยจำนวนกว่า 300 รายแต่กลับมีการเลื่อนขั้นให้กับระดับผู้บริหารจึงทำให้พนักงานขาดขวัญและกำลังใจในการทำงานจึงเตรียมเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมต่อบอร์ดชุดใหม่ของธนาคารต่อไป
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (17 ต.ค.) กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ จะมีการเรียกประชุมวิสามัญเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการธนาคารชุดใหม่ขึ้นมาหลังจากที่คณะกรรมการและคณะกรรมการบริหารชุดเดิมได้ลาออกไป ซึ่งหลังจากการแต่งตั้งบอร์ดชุดใหญ่เสร็จสิ้นแล้วจะมีการเลือกประธานบอร์ดและแต่งตั้งบอร์ดบริหารขึ้นมาทำหน้าที่โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคมนี้
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่มีการก่อตั้งเอสเอ็มอีแบงก์ขึ้นมาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 ในการเลือกประธานบอร์ดทุกครั้งจะเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนประธานบอร์ดบริหารจะเป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ทั้งที่กฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เอสเอ็มอีแบงก์ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นโดยตำแหน่งแต่อย่างใด และที่ผ่านมามีการแต่งตั้งตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมเข้ามาเป็นกรรมการและกรรมการบริหารทำให้การดำเนินงานของธนาคารไม่สามารถเดินหน้าไปได้เท่าที่ควร รวมทั้งมีการแทรกแซงจากทางการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์กันอย่างมากมาย โดยที่ข้าราชการประจำที่เป็นบอร์ดและบอร์ดบริหารไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“หวังว่าการเลือกบอร์ดชุดใหม่ในครั้งนี้จะได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้ามาบ้าง เป็นนักการเงินการธนาคารและการประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ข้าราชการประจำที่มานั่งเป็นบอร์ดแบงก์มีความรู้จากภาคธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มมากขึ้นและทำให้แบงก์สามารถพัฒนาลูกค้าเอสเอ็มอีที่เป็นภาคการผลิตที่สำคัญของประเทศได้” แหล่งข่าวกล่าว
***เผือกร้อนแก้ปัญหา FRCD
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า การเข้ามาของบอร์ดชุดนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นช่วงที่เอสเอ็มอีแบงก์ตกอยู่ในช่วงที่มีปัญหารอบด้านโดยเฉพาะปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลที่อยู่ในระดับสูงถึง 50% ของสินเชื่อ รวมทั้งการเดินหน้าขยายสินเชื่อก็ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย โดยในปีนี้ตั้งเป้าสินเชื่อไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาทแต่สามารถทำได้เพียง 1.5 หมื่นล้านบาทเทานั้น
นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของอาคารที่ยังไม่มีการปรับปรุงมาเป็นระยะเวลานานถึง 2 ปี ซึ่งหลายหน่วยงานของธนาคารต้องไปเช่าสถานที่เพื่อทำงานทั้งๆ ที่มีอาคารเป็นของตนเองทำให้เกิดต้นทุนการดำเนินงานขึ้นมาทั้งที่ไม่ควรจะเป็น รวมทั้งธนาคารประสบปัญหาขาดทุนมา 3 ปีติดต่อกันทำให้เงินกองทุนของธนาคารลดลงตามไปด้วย
“มีเรื่องสำคัญอีกมากมายที่บอร์ดชุดใหม่ต้องเข้ามาสะสางปัญหาที่กองอยู่ท่วมแบงก์โดยเฉพาะเรื่องด่วนคือตราสารFRCD ที่มีปัญหาป้องร้องกับธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) (SCBT) และบอร์ดชุดเดิมประกาศให้เป็นโมฆะเพราะไม่ต้องการเสียค่าปรับให้กับ SCBT แต่เมื่อดอกเบี้ยไลบอร์เพิ่มขึ้นตามเงื่อนไขทำให้แบงก์ได้รับผลประโยชน์แต่ผู้บริหารที่มีอยู่ของแบงก์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเงินที่ได้เข้ามาเรื่อยๆ นี้” แหล่งข่าวกล่าว
***ลือหึ่ง “จักรมณฑ์” คัมแบ็ก
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะส่งนายจักรมณฑ์ ผาสุกวณิช อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกษียณอายุเข้ามาเป็นบอร์ดอีกครั้งซึ่งสามารถอยู่ได้จนถึงอายุ 65 ปี แต่ในการนั่งเป็นบอร์ดที่เอสเอ็มอีแบงก์ของนายจักรมณฑ์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีผลงานใดๆ ที่โดดเด่นออกมาและยังมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นอีกมากมายในเอสเอ็มอีแบงก์
***พนักงานร้องขอความเป็นธรรม
แหล่งข่าวจากสหภาพแรงงานเอสเอ็มอีแบงก์กล่าวว่า หลังจากที่มีการแต่งตั้งบอร์ดธนาคารชุดใหม่ขึ้นมาสหภาพธนาคารฯ จะได้เสนอข้อเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับพนักงานเนื่องจากที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดพนักงานเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อทุจริตโดยใช้ระยะเวลามานานกว่า 2 ปีรวมทั้งเป็นการสอบแบบเหวี่ยงแหทำให้พนักงานขาดขวัญและกำลังใจในการลงไปดูแลลูกค้ารายอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีกรณีการจ้างงานที่ไม่ยอมบรรจุเป็นพนักงานประจำแต่ทำในลักษณะสัญญาจ้างซึ่งส่วนนี้ทำให้ไม่ได้รับสวัสดิการอย่างเท่าเทียมกับพนักงานคนอื่น จึงส่งผลให้เกิดการสมองไหลลาออกไปทำงานกับธนาคารพาณิชย์อื่น และยังมีการปรับเลื่อนขั้นที่ไม่เป็นธรรมของพนักงานชั้นผู้น้อยจำนวนกว่า 300 รายแต่กลับมีการเลื่อนขั้นให้กับระดับผู้บริหารจึงทำให้พนักงานขาดขวัญและกำลังใจในการทำงานจึงเตรียมเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมต่อบอร์ดชุดใหม่ของธนาคารต่อไป