xs
xsm
sm
md
lg

“หม่อมเต่า” เย้ยทีมศก.รัฐบาลไม่ดีพอ หวั่นพาเศรษฐกิจไทยผ่านวิกฤตไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หม่อมเต่า”ระบุทีมเศรษฐกิจรัฐบาลสมชายไม่เก่งพอ ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น หวั่นพาเศรษฐกิจประเทศพ้นวิกฤตไม่ได้ ด้านผู้บริหารเอ็มอาร์ สุขุมวิท เผยวิกฤตการเงินกระทบอสังหาฯ ไทย แบงก์เข้มปล่อยกู้บางรายถึงขั้นงดใส่เงินเพิ่ม ส่งผลโครงการขาดสภาพคล่องเพียบ โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพ เจ้าของเริ่มนำมาเร่ขาย เล็งภายใน 12 เดือน ไล่ชอปเข้าพอร์ต 3-4 โครงการ มูลค่าโครงการละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท  ด้านไนท์แฟรงค์ฯคาดยอดเข้าพักโรงแรมครึ่งปีหลังลดลง
 
ม.ร.ว จัตุมงคล โสณกุล (อดีตผู้ว่าการธปท.ปลัดกระทรวงการคลัง) ประธานบริษัท เอ็ม.ที.อาร์ เอสเส็ท แมเนเจอร์ จำกัด และบริษัท ในกลุ่มเอ็มอาร์ สุขุมวิท เปิดเผยว่า วิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้นในขณะนี้เกิดจากปัญหาต่างประเทศ ไม่ใช่ประเทศไทย ดังนั้นเชื่อว่าจะไม่เกิดวิกฤตเหมือนปีพ.ศ. 2540 เนื่องจากภาคธุรกิจที่แท้จริง หรือเรียล เซ็กเตอร์ ภาคส่งออกยังเติบโตดี  ในขณะเดียวกันสถาบันการเงินยังมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง  อีกทั้งหนี้ต่างประเทศลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี2540 ที่ประสบวิกฤตต้องเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือIMF
 
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลนั้น(สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ) ถือเป็นมาตรการทางด้านจิตวิทยา ที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำ ถึงแม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้มากเท่าที่ควร  แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ปัญหาทางการเมืองที่กินเวลายาวนาน ซึ่งจะทำให้มีปัญหาเศรษฐกิจตามมา นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องทีมเศรษฐกิจ ที่ยังไม่โดดเด่น มีผลกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
 
“ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ คนที่เก่งทำเป็นถูกแบนไปเยอะ ส่วนอีกพวกไม่ยากยุ่งกับการเมือง และตอนนี้ยังไม่เห็นใครที่ทำงาน หรือพูดอะไรแล้วเข้าท่า เรื่องนี้ห่วงที่สุดว่าจะมีใครที่นำพาประเทศหลุดจากปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้ทีมเศรษฐกิจมือไม่ดีพอฝ่ายราชการก็อ่อนแอทำอะไรไม่เป็น”

ด้านนายสุชาติ เจียรานุสติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มอาร์ สุขุมวิท จำกัด ผู้ดำเนินโครงการ มิลเลนเนียม เรสซิเด้นท์ แอทสุขุมวิท ที่มีแหล่งเงินลงทุนจากบริษัท ซีดีแอล ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า ในภาวะที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินที่มีจุดเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ดังกล่าวจะกลับไปคล้ายปี40 แต่ปัญหาไม่ได้รุนแรงเท่า เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาไทยมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ และการเมืองทำให้มีการลงทุนน้อย และมีภาวะความสมดุลของตลาด จึงทำให้ลดความรุนแรงของปัญหาไปได้มาก
 
สำหรับวิกฤตการเงินในครั้งนี้ ส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น หรือถึงขั้นไม่ปล่อยสินเชื่อเพิ่มในโครงการที่ฐานะด้านการเงินไม่มั่นคง ซึ่งในปัจจุบัน ผู้ประกอบการอสังหาฯยังได้รับความกดดันจากภาวะต้นทุนค่าก่อสร้างมีความผันผวนสูง ทำให้ผู้รับเหมาที่เซ็นสัญญาก่อสร้างไปแล้ว แต่ไม่สามารถควบคุมต้นทุนก่อสร้างให้ต่ำกว่าที่เซ็นสัญญาไว้จนทำให้ขาดทุน บางรายถึงขั้นเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ดังนั้นการเลือกผู้รับเหมาจำเป็นต้องพิจารณาถึงฐานะของผู้รับเหมาด้วย
 
นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น พิจารณาประวัติการเงินอย่างละเอียด หากประวัติไม่ดีก็จะไม่ปล่อยกู้เพิ่ม อีกทั้งยังลดวงเงินให้กู้เหลือประมาณ 55% จากเดิมให้กู้ได้ถึง 80% ของต้นทุนก่อสร้าง บางรายถึงขั้นไม่ปล่อยเงินเพิ่ม
 
“เหตุนี้ทำให้มีโครงการอสังหาฯหลายแห่งเริ่มมีปัญหาด้านการเงิน จนอาจสร้างไม่เสร็จ ต้องนำโครงการออกมาเร่ขาย ซึ่งบริษัทเองมีแผนที่จะซื้อโครงการที่มีปัญหาหรือโครงการสร้างค้างต่างๆ มาพัฒนาต่อ ขณะนี้มีอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อประมาณ 3-4 โครงการ คาดว่าจะสามารถซื้อแล้วนำมาพัฒนาได้ภายใน12 เดือนโดยไม่มีข้อจำกัดด้านการลงทุนขั้นต่ำโครงการละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท รวมไปถึงไม่จำกัดประเภทของสินทรัพย์ที่จะซื้อเข้ามา เนื่องจากมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ โดยจะพิจารณาจากศักยภาพโครงการและผลตอบแทนต้องไม่น้อยกว่า 20% ”
 
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้โครงการที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ โรงแรมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพราะขณะนี้จำนวนห้องพักถือว่าโอเวอร์ซัปพลายอยู่ ส่วนหนึ่งมากจากการที่นักท่องเที่ยวหาย และในปัจจุบันเริ่มมีโรงแรมหายแห่งในเขตกรุงเทพฯ เริ่มหยุดการก่อสร้างไปบ้างแล้ว นอกจากนี้โรงแรม รีสอร์ทในต่างจังหวัดยังมีความน่าเป็นห่วงเพราะนักท่องเที่ยวหายไปมาก

สำหรับโครงการ มิลเลนเนียม เรสซิเด้นท์ และโครงการมิลเลนเนียม มอลล์ ของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างถนนสุขุมวิท ซอย 16-20  บนเนื้อที่ 12 ไร่พัฒนาเป็น 4 อาคาร จำนวน 604 ยูนิต ราคาเริ่ม 10-121 ล้านบาท หรือ 1.3 แสนบาท/ตร.ม. มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายในอาคาร เอและบี ไปแล้ว 70% และการก่อสร้างประมาณ 60% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2552

***ศก.โลก-การเมืองกระทบตลาดโรงแรม

ขณะที่บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) เผยเศรษฐกิจโลกและภาวะทางการเมืองส่งผลกระทบต่อตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ โดยในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายห้องพักของโรงแรม5ดาวและ 4 ดาว เริ่มหดตัวลง ในขณะผลการวิจัยของบริษัทฯคาดว่า การเปิดตัวของโรงแรมใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจะทำให้จำนวนห้องพักในตลาดเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,060 ยูนิต และคาดว่าตั้งแต่ปี 2552 – 2554 จำนวนห้องพักที่เปิดใหม่จะมีจำนวนทั้งสิ้น 3,555ยูนิต ในขณะที่ ยอดขายห้องพักของโรงแรมในกรุงเทพฯ คาดว่าจะมีจำนวนลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น และวิกฤตการเงินโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น