ดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดภาคบ่ายร่วง 2% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค มีแรงเทขายในกลุ่มพลังงาน-ธนาคารพาณิชย์ ขณะที่โบรกฯ แนะจับตาประเด็นทหารไทย-เขมรปะทะ หวั่นขาใหญ่ฉวยจังหวะทุบหุ้น-รายย่อยตกใจขาย โดยช่วงท้ายตลาดภาคบ่ายร่วงลงหนักกว่า 3%
วันนี้ ( 15 ต.ค.) ตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายปรับตัวลงประมาณ 2% โดยลดลงเฉลี่ยใกล้เคียงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วน หันไปมองประเด็นข่าวการปะทะกันของทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณแนวชายแดน อาจทำให้มีนักลงทุนรายย่อยตกใจขายออกมา และนักลงทุนรายใหญ่ อาจฉวยโอกาสทุบหุ้นฟันกำไร
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.11 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 490.55 จุด ลดลง 10.22 จุด เปลี่ยนแปลง -2.04% โดยการตรวจสอบพบว่า ยังคงมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงาน และแบงก์ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการขายของต่างชาติ โดยมีทิศทางเฉลี่ยเท่ากับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่วันนี้ ปรับตัวลดลงประมาณ 2-3% พร้อมเตือนสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศ ยังไม่ค่อยดี ควรระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะประเด็นการเมือง และปัญหาขายแดนไทย-กัมพูชา
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 834.58 จุด หรือ -4.96% ปิดที่ระดับ 15,998.3 จุด หลังแตะระดับต่ำสุดที่ 15,961.92 จุด และระดับสูงสุดที่ 16,609.09 จุด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ร่วงแรง เพราะมีข่าวเรื่องกัมพูชากับไทยปะทะกันตามแนวชายแดน ซึ่งขณะนี้กำลังประเมินเรื่องนี้อยู่เป็นเรื่องที่ใหม่เข้ามา ซึ่งทิศทางก็คงต้องรอดูเรื่องนี้
ขณะที่ปัจจัยของต่างประเทศก็เป็นปัจจัยที่วางใจไม่ได้อยู่แล้ว เจอเรื่องนี้ซ้ำเข้าไป ถึงแม้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจน่าจะมีไม่มาก แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทก็ควรรอดูผลกระทบให้ดีก่อน
โดยเมื่อเวลา 15.51 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 489.16 จุด ลดลง 11.61 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,599.08 ล้านบาท ต่อมาเมื่อเวลา 16.07 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 482.53 จุด ลดลง 18.24 จุด เปลี่ยนแปลง -3.64% มูลค่าการซื้อขาย 15,625.82 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 481.50 จุด ลดลง 19.27 จุด เปลี่ยนแปลง -3.85% มูลค่าการซื้อขาย 17,608.98 ล้านบาท
