บอร์ดตลาดหุ้นฮ่องกง สั่งตรวจสอบ "บล.ซิติก แปซิฟิค" หลังเก็งกำไรค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย จนเกิดความเสียหาย โดยขาดทุนหนักถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง ส่งผลราคาหุ้นร่วงหนัก 55%
วันนี้ (22 ต.ค.) คณะกรรมการหลักทรัพย์และสัญญาล่วงหน้าฮ่องกงได้ดำเนินการตรวจสอบ บล.ซิติก แปซิฟิค ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ บล.ซิติกฯ ได้คาดการณ์ว่า อาจมีผลขาดทุนจากการเก็งกำไรถึง 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า โฆษกของบริษัท ฮ่องกง เอ็กซ์เชงจ์ แอนด์ เคลียริ่ง ซึ่งดูแลหุ้นในฮ่องกง กล่าวว่า บริษัทได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามขั้นตอนปกติ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การจดทะเบียน
ทั้งนี้ ราคาหุ้นซิติก แปซิฟิค ปรับร่วงลงถึง 55% เมื่อวานนี้ และอัตราหนี้สินก็ถูกลดลง หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยถึงผลกระทบที่เกิดจากการเก็งกำไรเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแบบผิดกฎระเบียบการซื้อขาย โดยตัวเลขขาดทุนดังกล่าวสูงเกือบถึง 4 เท่าของยอดขาดทุนจากการซื้อขายเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินที่บริษัท ไชน่า อาวิเอชั่น ออยล์ (สิงคโปร์) ได้ขาดทุนไปถึง 550 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2547
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า โรงงานฮ่องกง ในเมืองเสิ่นเจิ้น ปิดกิจการไปอีก 3 แห่ง หลังประสบปัญหายอดสั่งซื้อสินค้าหดตัวจนดำเนินกิจการต่อไปไม่ไหว เป็นที่คาดกันว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะทำให้บริษัทที่มีปัญหาหนี้สินขาดสภาพคล่องอีกหลายแห่งล้มละลาย หรือปลดพนักงานเพื่อความอยู่รอด
ล่าสุด ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดร่วงลง 774.57 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -5.15% ปิดที่ระดับ 14,266.60 จุด หลังแตะระดับต่ำสุดที่ระดับ 14,038.41 จุด และระดับสูงสุดที่ระดับ 15,161.69 จุด
โบรกเกอร์ระบุว่า ระดับที่ปิดตลาดในวันนี้ ถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.ปี 2548 ซึ่งตอนนั้นปิดที่ระดับ 14,215.83 จุด โดยพบว่าหุ้นซิติก แปซิฟิค ทรุด 24.69% และหุ้นของไชน่า โมบาย ลดลง 5.33% ส่วนหุ้นไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป ร่วง 20.58%
