บอร์ด KEST เตรียมเงิน 672 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อหุ้นคืนจำนวน 56 ล้านหุ้น พาร์ 5 บาท เปิดซื้อคืน 24 ตุลาคม ถึง 24 เมษายน 52 ขณะที่ LPN ใช้เงิน 200 ล้านบาทซื้อหุ้นคืน 62 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท ระหว่าง 24 ตุลาคม 2551- 23 เมษายน 52 ต่างหวังบริหารสภาพคล่องส่วนเกิดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แเละเพิ่มผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น
นายภูษิต แก้วมงคลศรี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ( KEST ) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 8/2551เมื่อ 8 ต.ค.51 เกี่ยวกับการอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน โดยวงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 672 ล้านบาท และไม่เกินกำไรสะสมของบริษัทฯ และหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 56 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ(พาร์) 5 บาท คิดเป็นไม่เกิน 10 % ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
การซื้อหุ้นคืนดังกล่าวจะซื้อจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำหนดระยะเวลาซื้อคืน 24 ต.ค. 51 - 24 เม.ย. 52 ซึ่งโครงการซื้อหุ้นคืนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันซื้อหุ้น โดยซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องดำเนินการเสร็จใน 6 เดือน
สำหรับหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาหุ้นที่จะซื้อคืน โดยให้นำราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันก่อนวันที่บริษัทฯ จะทำการเปิดเผยข้อมูลมาประกอบการพิจารณากำหนดราคาหุ้นด้วยราคาซื้อคืนจะไม่เกินกว่าราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่หน้านั้น บวกด้วย 15 %ของราคาปิดเฉลี่ยดังกล่าว ทั้งนี้ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ตั้งแต่ 8 ก.ย. 51 ถึง 7 ต.ค.51 เท่ากับ 12.96 บาทต่อหุ้น
การซื้อหุ้นคืนดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องอย่างมาก เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้นรวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น และส่งสัญาณแก่ผู้ลงทุนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท
โดย ข้อมูลงบการเงินงวดล่าสุด ณ 30 มิ.ย. 51 พบว่ามีกำไรสะสมเท่ากับ 657 ล้านบาท และมีหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืน84 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกปี 51 คือ 470 ล้านบาท และใช้ลงทุนเล็กน้อย ทำให้เงินสดของบริษัทฯ ณ ช่วงดังกล่าว คงเหลือ 2,230 ล้านบาท รวมถึงบริษัทฯ ไม่มีเจ้าหนี้เงินกู้ที่จะต้องชำระใดๆ ซึ่งหากประเมินจากเงินสดในมือขณะนี้ ประกอบกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน บริษัทฯ ยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอ ขณะที่มีจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free Float) ณ วันปิดสมุดทะเบียน เมื่อ 10 มี.ค. 51 คือ 37.07 %ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ หรือ 207,850,318 หุ้น
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 6/2551 เมื่อ 9 ต.ค. 51 ว่าบอร์ดอนุมัติให้ซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงินโดยวงเงินสูงสุดที่ใช้ในการซื้อหุ้นคืน 200 ล้านบาท และหุ้นที่จะซื้อคืน 62 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ(พาร์) 1.0 บาท คิดเป็น 4.20 % ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยกำหนดเวลาซื้อคืน 24 ต.ค.51- 23 เม.ย. 52 ซึ่งบริษัทต้องเปิดเผยโครงการซื้อคืนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนวันซื้อหุ้น โดยซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องดำเนินการเสร็จใน 6 เดือน
การ ซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ว่า เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ กับสภาพความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอนอีกทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นและประโยชน์ในแง่การเพิ่มของอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
นายภูษิต แก้วมงคลศรี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ( KEST ) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 8/2551เมื่อ 8 ต.ค.51 เกี่ยวกับการอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน โดยวงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 672 ล้านบาท และไม่เกินกำไรสะสมของบริษัทฯ และหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 56 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ(พาร์) 5 บาท คิดเป็นไม่เกิน 10 % ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
การซื้อหุ้นคืนดังกล่าวจะซื้อจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำหนดระยะเวลาซื้อคืน 24 ต.ค. 51 - 24 เม.ย. 52 ซึ่งโครงการซื้อหุ้นคืนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันซื้อหุ้น โดยซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องดำเนินการเสร็จใน 6 เดือน
สำหรับหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาหุ้นที่จะซื้อคืน โดยให้นำราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันก่อนวันที่บริษัทฯ จะทำการเปิดเผยข้อมูลมาประกอบการพิจารณากำหนดราคาหุ้นด้วยราคาซื้อคืนจะไม่เกินกว่าราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่หน้านั้น บวกด้วย 15 %ของราคาปิดเฉลี่ยดังกล่าว ทั้งนี้ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ตั้งแต่ 8 ก.ย. 51 ถึง 7 ต.ค.51 เท่ากับ 12.96 บาทต่อหุ้น
การซื้อหุ้นคืนดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องอย่างมาก เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้นรวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น และส่งสัญาณแก่ผู้ลงทุนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท
โดย ข้อมูลงบการเงินงวดล่าสุด ณ 30 มิ.ย. 51 พบว่ามีกำไรสะสมเท่ากับ 657 ล้านบาท และมีหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืน84 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกปี 51 คือ 470 ล้านบาท และใช้ลงทุนเล็กน้อย ทำให้เงินสดของบริษัทฯ ณ ช่วงดังกล่าว คงเหลือ 2,230 ล้านบาท รวมถึงบริษัทฯ ไม่มีเจ้าหนี้เงินกู้ที่จะต้องชำระใดๆ ซึ่งหากประเมินจากเงินสดในมือขณะนี้ ประกอบกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน บริษัทฯ ยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอ ขณะที่มีจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free Float) ณ วันปิดสมุดทะเบียน เมื่อ 10 มี.ค. 51 คือ 37.07 %ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ หรือ 207,850,318 หุ้น
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 6/2551 เมื่อ 9 ต.ค. 51 ว่าบอร์ดอนุมัติให้ซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงินโดยวงเงินสูงสุดที่ใช้ในการซื้อหุ้นคืน 200 ล้านบาท และหุ้นที่จะซื้อคืน 62 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ(พาร์) 1.0 บาท คิดเป็น 4.20 % ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยกำหนดเวลาซื้อคืน 24 ต.ค.51- 23 เม.ย. 52 ซึ่งบริษัทต้องเปิดเผยโครงการซื้อคืนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนวันซื้อหุ้น โดยซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องดำเนินการเสร็จใน 6 เดือน
การ ซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ว่า เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ กับสภาพความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอนอีกทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นและประโยชน์ในแง่การเพิ่มของอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
