โบรกฯ แนะจับตาภาวะตลาดหุ้นบ่ายนี้ อาจมีแรงขายอย่างหนัก ผวานักลงทุนต่างชาติไปไม่กลับ หลังเทกระจาดหุ้นเกลี้ยงจากยอดซื้อตั้งแต่ปี 47 ชี้หากหลุด 490 จุดอะไรก็เกิดขึ้นได้ แนะจับตาบ่ายนี้ อาจได้เห็น ตลท.ส่งเซอร์กิตเบรกเกอร์ห้ามเลือด แนะนำถือเงินสดแนวรับ 490 จุด
วันนี้ (8 ต.ค.) นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเผชิญแรงเทขายอย่างหนัก ซึ่งมองว่าเป็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่จำเป็นต้องถอนการลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อรักษากระแสเงินสดในการดำรงสภาพคล่อง หรือโยกเม็ดเงินไปสู่ตลาดอื่นที่ทีความปลอดภัย และให้ผลตอบแทนสูงเพราะเกรงผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ซึมลึกเข้าสู่เศรษฐกิจทั่วโลก พิจารณาจากราคาหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ที่ต่างปรับลดลงแรง 5-10% ได้ร่วมกันกดดันดัชนีจนปรับลดลงหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 500 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายต่อทิศทางของดัชนีฯอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวโน้มในช่วงบ่ายประเมินว่า ดัชนีจะปรับตัวลงต่อ เพราะแรงขายนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมาอย่างหนักได้บ่งชี้ค่อนข้างแน่ชัดว่าเป็นการถอนการลงทุนระยะยาวแล้ว โดยตั้งแต่ปี 2547 นักลงทุนต่างชาติที่มียอดซื้อรวม 3 แสนล้านบาท ถึงปัจจุบันนี้ได้ขายออกมาจนหมดแล้ว และแรงขายที่ออกมาต่อเนื่องได้สะท้อนว่าการขายได้ลามเข้าไปถึงเม็ดเงินส่วนที่เป็นการลงทุนระยะยาวแล้ว ซึ่งมองระดับแนวรับที่ 490 จุด ดัชนีอาจรีบาวนด์ขึ้นได้ในช่วงสั้น แต่ทั้งนี้ หากเกิด Panic Sell ในประเทศจากความกดดันในประเด็นการเมืองอีกและหลุดแนวรับที่ 490 จุด คงประเมินแนวรับได้ลำบากแล้วเพราะไม่อาจคำนวณหาค่าเหมาะสมทางปัจจัยพื้นฐานรองรับได้อีกต่อไป ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นการบังคับใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ของตลาดหลักทรัพย์เพื่อยังยั้งการปรับตัวลงของดัชนี
คาดว่า หุ้นไทยบ่ายก็คงลงต่อ ส่วนบริเวณ 490 จุด ตามพื้นฐานหากไม่มีรีบาวนด์ก็คงหยุดแรงขายไม่อยู่แล้ว เพราะดูจากแรงขายต่างชาติที่เทหนักเรียกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะตั้งแต่ปี 2547 ที่มียอดซื้อรวม 3 แสนล้านก็ขายหมดแล้ว คือ ตอนนี้มันลามเข้าไปถึงเม็ดเงินที่เข้าจะลงทุนแบบ Long Term แล้ว หากหนักข้อจริงๆ ก็คงได้เห็นเซอร์กิตเบรกเกอร์กันแล้ว กลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือเงินสดแนวรับ 490 จุด
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ช่วงเช้าที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยดัชนีได้ปรับตัวลดลงหลุด 500 จุดแล้ว ประเด็นหลักๆ เกิดจากวิกฤตการเงินของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลงเนื่องจากแผนการกอบกู้วิกฤตมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังกล่าวไม่สามารถรองรับวิกฤตเพียงพอ ทำให้ขณะนี้วิกฤตการเงินดังกล่าวได้ลุกลามไปถึงประเทศยุโรปและประเทศอื่นๆ ตามมา ซึ่งขณะนี้นักลงทุนยังคงกังกลเกี่ยวกับสถาบันการเงินที่ปัจจุบันส่อแววที่จะขาดสภาพคล่องอย่างหนัก อย่างสถาบันการเงินในอังกฤษ ที่ขณะนี้ยังคงรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อเสริมสภาพคล่อง ส่งผลกดดันให้ดัชนีฯ ตลาดหุ้นต่างประเทศและภูมิภาคปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยภายในประเทศโดยนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นของเสถียรภาพความมั่นคงของการเมืองไทย ว่า จะมีผลลุกลามและยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาต่อต้านรัฐบาลโดยให้เหตุผลว่าขาดความชอบทำของการบริหารประเทศชาติ ทำให้พันธมิตรฯยังเคลื่อนพลเป็นกลุ่มดาวกระจายติดตามทุกสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไป เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง อีกทั้งได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนมีผู้บาดเจ็บหลายราย
สำหรับแนวโน้มช่วงบ่าย คาดว่า ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงชะลอการลงทุน และเลือกถือเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงจากวิกฤตการเงินของสหรัฐฯ ที่ขณะนี้ได้ส่งผลลุกลามถึงยุโรปและอีกหลายประเทศ ที่ขาดสภาพคล่องอย่างหนักหลังแผนการกอบกู้วิกฤตมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯไม่สามารถกอบกู้วิกฤตการเงินได้เพียงพอ อีกทั้งการเมืองภายในประเทศก็ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นหลังกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศจะเคลื่อนขบวนเป็นดาวกระจายเพื่อกดดันให้ นายสมชาย วงศสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ควรติดตามสถานการณ์ทางการเมืองต่อไป ว่า จะสามารถคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ และทางด้านรัฐบาลจะมีทางออกทางการเมืองครั้งนี้อย่างไร กลยุทธ์การลงทุน ประเมินกรอบแนวรับอยู่ที่ 490-498 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 510-515 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีเปิดตลาดภาคบ่ายยังคงร่วงลงต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 14.45 น. ดัชนีปรับตัวลดลง 38.94 จุด มาที่ระดับ 489.77 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -7.37%
โดยเมื่อเวลา 14.58 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 485.66 จุด ลดลง 43.05 จุด เปลี่ยนแปลงกว่า -8% มูลค่าการซื้อขาย 11,323.64 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 492.34 จุด ลดลง 36.37 จุด เปลี่ยนแปลง -6.88% มูลค่าการซื้อขาย 17,461.33 ล้านบาท