นายกฯ แถลงภายหลังประชุม ครม.นัดพิเศษ ยังไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ต้องเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแบบเดียวกับเหตุการณ์ 7 ตุลา เตรียมเปิดสภารับฟังข้อมูลทุกฝ่าย เผย ครม.เห็นความสำคัญผลกระทบภาคการท่องเที่ยวที่ทรุดหนัก ชี้ควรเร่งกำหนดเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งฟื้นฟู มอบ “ชุมพล” หามาตรการเยียวยาก่อนเสนอ ครม.อีกครั้ง พร้อมคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 3 จว.ใต้ ย้ำเร่งรัดเอาผิดเหตุคนร้ายอุกอายยิง "สนธิ"กลางเมือง
วันนี้ (17 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.นัดพิเศษว่า มีเรื่องหลักๆ 2 เรืองคือเรื่อง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 19 เม.ย.นี้ จึงได้มีการพิจารณาต่ออายุ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำผลการประเมิน โดยเฉพาะการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจต่างๆบวกกับการเปรียบเทียบสภาวะเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างที่มีการบังคับใช้พระราชกำหนดกับช่วงปี 2550 ที่แม้มีการประกาศใช้แต่มีนโยบายภายในให้มีการชะลอการใช้ ทั้งนี้โดยรวมคณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่ายังมีความจำเป็นในการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 3 จังหวัดภาคใต้ต่อไปอีกครั้ง แต่ได้กำชับในประเด็นปัญหาที่เป็นจุดอ่อน ข้อโจมตี เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างมีความรัดกุม โดยเฉพาะความโปร่งใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งระยะหลังมีข้อร้องเรียนที่ลดลงอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีข้อมูลบางอย่าง ซึ่งเราอยากให้เป็นแบบมาตรฐานในการประเมิน สำหรับการมาขอต่ออายุในรอบต่อไป ส่วนอีกประเด็นที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาคือเรื่องที่กระทรวงการคลังขอยืมเงินในกรณีที่รายได้จัดเก็บต่ำกว่าประมาณการ ตรงนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ให้รายละเอียดต่อไป
สั่ง “กฤษฎีกา” ดูข้อกม.ชุมนุมในที่สาธารณะ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังการพิจารณาเรื่องในวาระทั้งสองเรื่องเสร็จสิ้น ได้มีการประชุมภายในที่มีเฉพาะคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผู้แทนเลขากฤษฏีกา โดยมีการประมวลสถานการณ์เหตุการณ์ทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมาตนไม่สามารถประชุมครม.เต็มคณะได้ ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ต้องอาศัยรูปแบบการประชุมที่อนุญาตไว้ตามกฎหมาย คือประชุมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องบางท่าน ดังนั้นจึงได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบโดยประมวลเหตุการณ์สถานการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่หลังการประชุมครม.ครั้งที่แล้วเป็นต้นมาที่พัทยา ทั้งนี้ที่ประชุมครม.เห็นชอบกับแนวทางการดำเนินการที่ผ่านมาทั้งหมด ส่วนประเด็นข้อสงสัยก็ได้มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ถือได้ว่าขณะนี้ครม.ทุกท่านรับทราบเหตุการณ์และการตัดสินใจทั้งหลายที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประเด็นที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการคือเรื่องการเยียวยา ซึ่งจะใช้กลไกและหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 51 ในเหตุการณ์ 7 ต.ค. ตนได้กำชับให้เร่งดำเนินการเรื่องเยียวยาไม่ว่าจะเป็นประชาชน เจ้าหน้าที่ เรื่องงบประมาณเชื่อว่ามีอยู่พร้อมแล้ว ส่วนผลกระทบเรื่องเศรษฐกิจหนักที่สุดคือภาคท่องเที่ยว ฉะนั้นครม.เห็นชอบว่างานด้านการท่องเที่ยวต่อจากนี้ต้องถือเป็นระเบียบวาระแห่งชาติ และทางรมว.ท่องเที่ยวจะได้ประมวลมาตรการ ซึ่งเดิมอาจกำหนดไว้ว่าใช้ 3 เดือน หรือกี่เดือนก็ตามเพื่อนำเสนอให้มีการยืดอายุมาตรการต่างๆ รวมถึงการพบปะกับผู้ประกอบการ ความจริงตนได้ทำไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก่อนการประชุมครม.สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมอีกรอบ เพื่อกำหนดมาตรการเพิ่มเติม ตลอดจนทบทวนอุปสรรคปัญหาของมาตรการาต่างๆที่ผ่านมา เพื่อเร่งฟื้นฟูเรื่องนี้
ย้ำจำเป็นต้องคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินกทม.-ปริมณฑลต่อ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการตัดสินใจที่จะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลนั้น หลักที่ครม.และตนจะใช้คือ จะพยายามให้สั้นที่สุด แต่จะต้องดูความจำเป็นในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้กลับคืนมาอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัญหาที่พบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอาจจะไม่ปรากฎในขณะนี้ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการและอำนาจบางส่วนของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการดูแลปรับสถานการณ์เข้าอีกระยะ ฉะนั้นขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิก ยืนยันจะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้มีรูปธรรมในการเดินหน้าแก้ไขปัญหา ซึ่งจะพยายามเข้าไปให้ถึงต้นเหตุของความขัดแย้งในสังคมให้ได้ มี 3 เรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อไป โดยประเด็นแรกในแง่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตนได้ยืนยันมาตลอดในแง่ไม่มีการสูญเสียชีวิต ตอนนี้ยังมีความพยายามที่จะเผยแพร่ข่าวสารอยู่ เรื่องนี้จะต้องมีการชี้แจงต่อไป และรัฐบาลได้ตัดสินใจขอเปิดสภาเพื่อให้ใครก็ตามที่มีข้อมูล และยังมีข้อสงสัย เราพร้อมที่จะรับฟังตรวจสอบและชี้แจง การประชุมสภาในสัปดาห์หน้าในวันพุธ และพฤหัสบดี ตนถือว่าโอกาสนี้จะทำความโปร่งใสให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยที่รัฐบาลพร้อมที่จะรับข้อมูลต่างๆด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนแง่เงื่อนไขทางการเมืองหลังจากที่ผ่านมายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับฝ่ายค้านในการเดินหน้าปฏิรูปการเมือง หรือแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ วันนี้ได้ขอให้รัฐมนตรีทุกท่านซึ่งสังกัดพรรคการเมืองต่างๆช่วยกันเร่งรัดกระบวนการที่จะทำให้ทุกพรรคการเมืองสามารถมาพูดคุยและตกลงถึงแนวทางในการเร่งรัดประเด็นเหล่านี้ได้ เพื่อเป็นการปลดชนวนความขัดแย้งอีกส่วนหนึ่ง ส่วนข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาว่ามีการใช้ 2 มาตรฐานหรือไม่ ตรงนี้จะมีการชี้แจงถึงบทบาทของหน่วยงานต่างๆไปจนถึงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งขอยืนยันว่าจะไม่มีการใช้ 2 มาตรฐาน บางทีอาจมีข้อสงสัยว่าทำไมปัจจุบันมีการออกหมายจับ แต่คดีในอดีตไม่ออกหมายจับ ตรงนี้ขอเรียนว่าความจำเป็นที่จะต้องออกหมายจับหรือคัดค้านการประกันตัว หรือใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินในขณะนี้ เนื่องจากมีเหตุที่เชื่อได้ว่าถ้าไม่ดำเนินเช่นนี้บุคคลที่เกี่ยวข้องจะไปดำเนินการในลักษณะที่เป็นปัญหากับความมั่นคง ถ้าผู้ใดที่เกี่ยวข้องกับคดีความต่างๆในปีที่แล้วมีพฤติกรรมแบบเดียวกัน ยืนยันว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกัน
แจงทหาร ร่วมมือปราบม็อบ เพราะฝ่ายการเมืองรับผิดชอบหมด ไม่โยนระดับปฏิบัติ
“มีประเด็นสงสัยว่าทำไมครั้งนี้ทางกองทัพ จึงเข้ามาดำเนินการ ในขณะที่ปีที่แล้วมีอุปสรรค ขอเรียนว่าการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินปีที่แล้วมี 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งมอบให้ พล.ต.อ. โกวิทย์ วัฒนะ อดีตรมว.มหาดไทย และหนักไปทางการใช้ตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องการตัดสินใจในการบริหารงาน อีกครั้งหนึ่งมีการตั้ง ผบ.ทบ.ซึ่งมีประเด็นว่า ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งแต่มีการทำงาน ผมเรียนว่าปัญหาจริงๆอยู่ตรงนี้ คือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับปฏิบัติงานตามพ.ร.ก.จริงๆ แล้วเป็นผู้ตัดสินใจในเชิงนโยบาย การที่ผมมอบให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และแน่นอนผมต้องรับผิดชอบด้วย อยู่ตรงนั้นเท่ากับเป็นการคุ้มครองให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจทหาร หรือข้าราชการส่วนอื่นมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าถ้าปฏิบัติไปแล้วมีปัญหาอะไร พวกเราต้องรับผิดชอบ หมายถึงฝ่ายการเมือง แต่ถ้าไปตั้งท่านเหล่านั้นโดยตรง ก็เหมือนกับเป็นการให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามการตัดสินใจของท่าน ซึ่งเป็นการตัดสินใจในเชิงนโยบายจึงเป็นอุปสรรค นี่คือความแตกต่าง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ยัน รบ.ไม่มี 2 มาตรฐาน จี้ตร.สางคดีเก่าก่อนคดีใหม่เสร็จ
อย่างไรก็ตาม ตนทราบถึงความรู้สึกอึดอัด และความไม่เป็นธรรม ว่าคดีความในปีที่แล้วล่าช้าหรือไม่อย่างไร ตนได้เร่งรัดกับผบ.ตร.ไปอีกครั้งหนึ่งแล้วในช่วงสองวันที่ผ่านมา ว่าจำเป็นจะต้องเร่งสรุปคดีความปีที่แล้วที่อยู่ในความสนใจทั้งหมด เพราะขณะนี้จะมีการดำเนินคดีกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน มันคงเป็นเรื่องแปลกที่คดีความในปัจจุบันจะสามารถดำเนินการได้เสร็จก่อน ฉะนั้นตรงนี้ได้มีการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ความพยายามแก้ปัญหาที่ต้นเหตุยืนยันว่าทำเต็มที่ และขอย้ำอีกครั้งรัฐบาลไม่เอาผิดกับพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุมโดยสงบ แต่รัฐบาลจะดำเนินคดีเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งอยู่นอกเหนือเจตนารมย์และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นประชาชนส่วนใหญ่ที่เคยมาชุมนุม หรือยังมีความรู้สึกไม่พอใจรัฐบาลในการบริหารงานหรืออะไรก็แล้วแต่ เราจะไม่ไปล่วงละเมิดสิทธิของท่าน สุดท้ายครม.ยังมีมติอีกว่าแง่การทำงานในอนาคตเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกฤษฎีกาไปดูความจำเป็นถึงการมีกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งจะไม่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่จะมีความชัดเจนช่วยให้ทางเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้ตั้งแต่ต้น หากเกิดการชุมนุมในที่สาธารณะวิธีปฏิบัติควรเป็นอย่างไร ถ้าเริ่มออกไปนอกความมุ่งหมายของเจตนารมย์ตามรัฐมนตรีจะสามารถทำอะไรได้บ้าง จะได้ไม่ต้องมารอเรื่องการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วค่อยสามารถดำเนินการได้
“มาร์ค” ข้องใจ ตร.ทหาร เพียบ แต่โจรแอบขนอาวุธหนักเข้าเมืองถล่มสนธิได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประเมินเหตุการณ์ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯถูกยิงถล่มอย่างไร กล่าวว่า เป็นการรายงานเบื้องต้นว่าเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น และในส่วนของตำรวจแพทย์ ซึ่งตนได้รับการประสานมาเมื่อเช้าว่าขอให้ช่วยดูแลความเรียบร้อยในส่วนของโรงพยาบาล จึงได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล ส่วนประเด็นที่ว่าถ้ามีผู้ใดเห็นว่าอยู่ในภาวะที่อันตรายควรจะแจ้งเบาะแสมา เรื่องการดูแลคุ้มครองไม่ว่าจะเป็นใครทุกฝ่ายเราจะพยายามดูแล เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุอย่างนี้กับใครทั้งสิ้น และไม่ต้องการให้เหตุอย่างนี้ถูกนำไปขยายเป็นความขัดแย้งอะไรเพิ่มเติมอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มันเป็นการอุกอาจเกินไปหรือไม่ ทั้งๆที่พื้นที่กทม.ยังประกาศภาวะฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่าไม่มีใครคาดคิด เราได้พยายามมีหน่วยเฝ้าระวังอยู่แล้ว เมื่อถามว่า นายสนธิ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พ.ร.ก.เป็นภาพรวมการใช้อำนาจตามมาตราต่างๆมากกว่า เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้พันธมิตรไม่พอใจ ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราจะดูเรื่องการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการสืบสวนสอบสวนการดำเนินคดีต่างๆอย่างดีที่สุด อยากให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่จะคง พ.ร.ก.ไว้ ปัญหาอุปสรรคยังอยู่ตรงจุดไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงเป็นเพียงระยะสั้นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสร้างเงื่อนไข เกิดสถานการณ์ที่ซ้ำรอย ขณะนี้ยังมีปัญหาอยู่ 2-3 จุด แต่ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียด เมื่อถามว่า ถึงขณะนี้ได้กลับไปนอนบ้านบ้างหรือยัง นายภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อคืนนอนที่บ้าน ก็เรียบร้อยดี เมื่อถามว่าจะเร่งรัดคดีนายสนธิอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เร่งรัด ทุกๆคดีก็เร่งหมด ทางเจ้าหน้าที่ตนก็ได้พูดคุยไปเมื่อเช้า ต่อข้อถามว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์ความวุ่นวายดูเหมือนประชาชนจะไม่ปลอดภัยถึงขนาดคิดว่ามีการตั้งกองกำลังรักษาความปลอดภัยดูแลตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้ต้องระมัดระวัง อย่าให้ความขัดแย้งขยายวง เราอยู่ในช่วงที่พยายามจะนำความสงบกลับคืนมา และมันจะมีหลายเงื่อนไขซึ่งเราพยายามจะขจัดให้มากที่สุด และเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ที่จะต้องดูแลให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจในเรื่องนี้ ได้พูดความชัดเจนในเรื่องนี้
ย้ำยังไว้ใจตำรวจดูแลบ้านเมืองต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรให้เจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวาน (16 เม.ย.) ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาพบ และกำชับกับเจ้าหน้าที่ทุกคนว่าความมุ่งหมายของตนขณะนี้ไม่มีเรื่องวัตถุประสงค์หรือเหตุผลทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่กำลังขอให้ทุกคนได้ช่วยกันคือทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ไม่มีเรื่องความพ่ายแพ้ ไม่มีเรื่องการไปไล่ล่าใคร ขอเพียงอย่างเดียวว่าวันนี้ทุกคนต้องกลับมาเคารพกฎหมาย เอาความสงบกลับคืนมา แล้วเราจะหาทางออกทางการเมืองร่วมกัน เมื่อถามว่าได้รับการยืนยันจากตำรวจว่าจะทำหน้าที่เต็มกำลัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มายืนยันและตนได้เปิดโอกาสให้หลายท่านระดับสูงเปิดใจว่ามีอะไรที่ยังไม่สบายใจ ไม่สนิทใจ ค้างคาใจอยู่จากเหตุการณ์กี่ปีก็แล้วแต่ ได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแลกเปลี่ยนกันหมดแล้ว เมื่อถามว่าขณะนี้ยังไว้ใจที่จะให้ทำหน้าที่ต่อไปได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้เกียรติเขาเพราะเราคุยกันแล้ว เมื่อถามว่านายกฯได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าในพื้นที่กทม.ยังประกาศภาวะฉุกเฉินมีทั้งทหารตำรวจดูแล แต่ทำไมถึงมีการขนอาวุธหนักเข้ามาได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ตนได้ตั้งให้กับผู้รับผิดชอบ ซึ่งต้องดูด้วยว่าอาวุธมาจากไหนอย่างไร เมื่อถามย้ำว่า เล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่เข้ามาได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ตรงนี้เป็นข้อสังเกตของตนไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากแก้ปัญหาการเมืองไม่ได้จะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นายอิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่เร่งด่วนขณะนี้คือเรื่องการท่องเที่ยว การแก้ปัญหาเกี่ยวกับความไม่สงบทั้งหมด สุดท้ายปลายทางเพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชน แต่ขณะนี้เศรษฐกิจกระทบความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ซ้ำเติม เราพยายามเร่งทำตรงนี้ และอยากจะขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลให้เกิดความสงบ เพราะที่สุดจะเป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน เรื่องการเมืองวุ่นวายยอมรับว่าใช่ แต่คนที่เดือดร้อนจริงๆคือคนที่จะตกงาน เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษเสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์จะเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ต่อทันที