ตลท.ปรับเกณฑ์รับหลักทรัพย์ ให้บริษัท mai ทุนจดทะเบียนสูงกว่า 300 ล้านบาท เป็นบริษัทจดทะเบียนตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ยังคงเทรดในตลาดเดิม เพื่อเอื้อประโยชน์รับมาตรการลดหย่อนภาษี พร้อมยืดเวลาให้ภาษีแก่บริษัทที่ยื่นขอเข้าจดทะเบียนปีนี้ เทรดปีหน้า 52
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ฯ มีมติอนุมัติให้ขยายเกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจออกไปอีก 1 ปี เพื่อสนับสนุนให้บริษัทที่เข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี สอดคล้องกับการขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดหย่อนอัตรารัษฎากร ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2551
ทั้งนี้ บริษัทที่ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)ภายในปี 2551 และเข้าซื้อขายภายในปี 2552 จะได้รับส่วนลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งบริษัทยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้ลด 5% โดยจ่ายเพียง 25% จากปกติที่จ่าย 30% และบริษัทที่ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาด mai จะได้รับส่วนลด 10% จากทำให้จ่ายเหลือ 20% จากปกติที่จ่าย 30%
สำหรับการขยายเวลาในการใช้เกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจออกไปอีก 1 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกให้บริษัทที่สนใจจะเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ยังอยู่ระหว่างปรับคุณสมบัติให้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ มีโอกาสที่จะมีคุณสมบัติครบถ้วนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ภายใน 31 ธันวาคม 2552 และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดยการยื่นจดทะเบียนตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจนี้ บริษัทที่จะยื่นคำขออาจมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด หรือเป็นบริษัทจำกัดที่คณะกรรมการของบริษัทมีมติให้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดแล้วก็ได้ และมีความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้พิจารณาในเบื้องต้นถึงความเป็นไปได้ว่าบริษัทจะมีคุณสมบัติครบถ้วนภายใน 31 ธันวาคม 2552
นายสุทธิชัย กล่าวว่า คณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้ปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai กรณีที่บริษัทมีทุนชำระหรือมีการเพิ่มทุนจนมีทุนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท โดยให้บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทจดทะเบียนตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ยังคงซื้อขายในตลาด mai เพื่อที่จะได้รับมาตรการลดหย่อนภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ ที่กำหนดเพิ่มเติมให้บริษัทจดทะเบียนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งการแก้ไขเกณฑ์ดังกล่าวจะสอดคล้องกับหลักการเดิมที่กำหนดสำหรับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่ โดยการปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ดังกล่าวอยู่ระหว่างขอความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อนบังคับใช้
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ฯ มีมติอนุมัติให้ขยายเกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจออกไปอีก 1 ปี เพื่อสนับสนุนให้บริษัทที่เข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี สอดคล้องกับการขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดหย่อนอัตรารัษฎากร ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2551
ทั้งนี้ บริษัทที่ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)ภายในปี 2551 และเข้าซื้อขายภายในปี 2552 จะได้รับส่วนลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งบริษัทยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้ลด 5% โดยจ่ายเพียง 25% จากปกติที่จ่าย 30% และบริษัทที่ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาด mai จะได้รับส่วนลด 10% จากทำให้จ่ายเหลือ 20% จากปกติที่จ่าย 30%
สำหรับการขยายเวลาในการใช้เกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจออกไปอีก 1 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกให้บริษัทที่สนใจจะเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ยังอยู่ระหว่างปรับคุณสมบัติให้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ มีโอกาสที่จะมีคุณสมบัติครบถ้วนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ภายใน 31 ธันวาคม 2552 และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดยการยื่นจดทะเบียนตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจนี้ บริษัทที่จะยื่นคำขออาจมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด หรือเป็นบริษัทจำกัดที่คณะกรรมการของบริษัทมีมติให้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดแล้วก็ได้ และมีความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้พิจารณาในเบื้องต้นถึงความเป็นไปได้ว่าบริษัทจะมีคุณสมบัติครบถ้วนภายใน 31 ธันวาคม 2552
นายสุทธิชัย กล่าวว่า คณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้ปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai กรณีที่บริษัทมีทุนชำระหรือมีการเพิ่มทุนจนมีทุนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท โดยให้บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทจดทะเบียนตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ยังคงซื้อขายในตลาด mai เพื่อที่จะได้รับมาตรการลดหย่อนภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ ที่กำหนดเพิ่มเติมให้บริษัทจดทะเบียนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งการแก้ไขเกณฑ์ดังกล่าวจะสอดคล้องกับหลักการเดิมที่กำหนดสำหรับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่ โดยการปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ดังกล่าวอยู่ระหว่างขอความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อนบังคับใช้
