เน็กซัสฯระบุ ปัญหาซับไพรม์สหรัฐฯออกฤทธิ์ ทุนอสังหาฯต่างชาติเริ่มถอนเงินกลับ อสังหาฯไทยร่วมทุนกลุ่มทุนสัญชาติอเมริกา-ยุโรปส่อหมดสภาพคล่อง เตรียมหาแหล่งทุนกลุ่มใหม่ ด้านตลาด อพาร์ตเมนต์กระทบหนักต่างชาติเลิกจ้าง-งดส่งบุคคลากรเข้าไทยทำตลาดเช่าหดตัว
นายอภิสิทธิ์ ลิ้มล้อมวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เน็กซัส พรอพเพอตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด กล่าวว่า ปัญหาซับไพรม์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดอพาร์ตเม้นต์ และกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีการร่วมทุนกับบริษัทสัญญาอเมริกา หรือกลุ่มทุนที่มีเส้นทางการเงินจากกลุ่มประเทศอเมริกา โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจจากอเมริกา ขณะนี้เริ่มได้รับผลกระทบด้านสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากกลุ่มทุนดังกล่าวเริ่มดึงเงินลงทุนกลับประเทศ และบางส่วนมีการชะลอการลงทุนในประเทศไทย ทำให้กลุ่มธุรกิจอสังหาฯที่มีการร่วมทุนที่จำเป็นต้องใช้สภาพคล่องการเงินสูง เริ่มหาแหล่งทุนจากกลุ่มประเทศใหม่ๆ เข้ามาเสริมสภาพคล่องในการพัฒนาโครงการขยายงานหรือสานต่อการก่อสร้างโครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่
ส่วนกลุ่มตลาดอพาร์ตเมนต์นั้น หลังจากที่กลุ่มบริษัท และธุรกิจสัญญาชาติอเมริกา และยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจจากต่างชาติเริ่มดึงเงินกลับประเทศตนเอง และชะลอการลงทุนในต่างประเทศ ส่งผลให้พนักงานและบุคลากรจากต่างชาติที่เข้ามาดูแลบริษัทในประเทศไทยถูกเลิกจ้างงาน หรือเรียกตัวกลับ ทำให้จำนวนการพักอาศัยอพาร์ตเมนต์ หรือเช่าเริ่มลดลง
อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวพึ่งเริ่มเกิดขึ้น ประกอบกับในบางบริษัทมีการโยกย้ายบุคลากรบางส่วนกลับไปประจำในบริษัทแม่ในช่วงก่อนหน้า และเปลี่ยนบุคลากรในประเทศเข้ามานั่งตำแหน่งบริหารแทนทำให้ผลกระทบจากการชะลอการลงทุนขยายงาน และการเลิกจ้างงานไม่รุนแรงมากนัก ส่วนบริษัทและโครงการที่ เน็กซัลฯรับหน้าที่บริหารการขายโครงการให้ในปัจจุบันส่วนมากจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ในอเมริกา เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่มีการปิดการขายไปแล้วส่วนที่เหลือบางส่วนก็เหลือยูนิตเหลือขายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าตลาดอสังหาฯระดับล่างจะมีการชะลอตัวลง แต่ในส่วนของตลาดระดับกลางบน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าไฮเอนด์ยังมีความต่อเนื่องอยู่ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีกำลังซื้อสูง และมีเงินออมไม่จำเป็นต้องพึ่งการกู้สถาบันการเงิน ล่าสุดบริษัทเห็นว่าในช่วงจากนี้ไปตลาดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูกาลซื้อขายแล้ว ดังนั้นจึงได้ร่วมกับ ศูนย์กาค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จัดงาน Innovation living08@CentralWorld งานพร็อพเพอร์ตี้ แฟร์ ในกลางกรุงเทพขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน นี้
โดยงานดังกล่าวได้รวบรวมโครงการคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว 10โครงการจำนวน2,0000 กว่ายูนิต มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 2 - 88 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่นำมาออกบูทในงานนี้ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่มีทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง ซึ่งงานนี้จะใช้พื้นทีในการจัดงาน300ตารางเมตร
นายอภิสิทธิ์ ลิ้มล้อมวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เน็กซัส พรอพเพอตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด กล่าวว่า ปัญหาซับไพรม์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดอพาร์ตเม้นต์ และกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีการร่วมทุนกับบริษัทสัญญาอเมริกา หรือกลุ่มทุนที่มีเส้นทางการเงินจากกลุ่มประเทศอเมริกา โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจจากอเมริกา ขณะนี้เริ่มได้รับผลกระทบด้านสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากกลุ่มทุนดังกล่าวเริ่มดึงเงินลงทุนกลับประเทศ และบางส่วนมีการชะลอการลงทุนในประเทศไทย ทำให้กลุ่มธุรกิจอสังหาฯที่มีการร่วมทุนที่จำเป็นต้องใช้สภาพคล่องการเงินสูง เริ่มหาแหล่งทุนจากกลุ่มประเทศใหม่ๆ เข้ามาเสริมสภาพคล่องในการพัฒนาโครงการขยายงานหรือสานต่อการก่อสร้างโครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่
ส่วนกลุ่มตลาดอพาร์ตเมนต์นั้น หลังจากที่กลุ่มบริษัท และธุรกิจสัญญาชาติอเมริกา และยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจจากต่างชาติเริ่มดึงเงินกลับประเทศตนเอง และชะลอการลงทุนในต่างประเทศ ส่งผลให้พนักงานและบุคลากรจากต่างชาติที่เข้ามาดูแลบริษัทในประเทศไทยถูกเลิกจ้างงาน หรือเรียกตัวกลับ ทำให้จำนวนการพักอาศัยอพาร์ตเมนต์ หรือเช่าเริ่มลดลง
อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวพึ่งเริ่มเกิดขึ้น ประกอบกับในบางบริษัทมีการโยกย้ายบุคลากรบางส่วนกลับไปประจำในบริษัทแม่ในช่วงก่อนหน้า และเปลี่ยนบุคลากรในประเทศเข้ามานั่งตำแหน่งบริหารแทนทำให้ผลกระทบจากการชะลอการลงทุนขยายงาน และการเลิกจ้างงานไม่รุนแรงมากนัก ส่วนบริษัทและโครงการที่ เน็กซัลฯรับหน้าที่บริหารการขายโครงการให้ในปัจจุบันส่วนมากจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ในอเมริกา เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่มีการปิดการขายไปแล้วส่วนที่เหลือบางส่วนก็เหลือยูนิตเหลือขายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าตลาดอสังหาฯระดับล่างจะมีการชะลอตัวลง แต่ในส่วนของตลาดระดับกลางบน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าไฮเอนด์ยังมีความต่อเนื่องอยู่ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีกำลังซื้อสูง และมีเงินออมไม่จำเป็นต้องพึ่งการกู้สถาบันการเงิน ล่าสุดบริษัทเห็นว่าในช่วงจากนี้ไปตลาดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูกาลซื้อขายแล้ว ดังนั้นจึงได้ร่วมกับ ศูนย์กาค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จัดงาน Innovation living08@CentralWorld งานพร็อพเพอร์ตี้ แฟร์ ในกลางกรุงเทพขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน นี้
โดยงานดังกล่าวได้รวบรวมโครงการคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว 10โครงการจำนวน2,0000 กว่ายูนิต มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 2 - 88 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่นำมาออกบูทในงานนี้ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่มีทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง ซึ่งงานนี้จะใช้พื้นทีในการจัดงาน300ตารางเมตร