เตือนเจ้าของกิจการต้องมั่นใจก่อนใช้ 39 ทวิสร้างอาคาร อย่าเชื่อแต่คนทำแบบ ตัวเองต้องแม่นกฎหมาย ระบุตึกใหม่ที่ใช้ 39 ทวิ ก่อนขอสวล. ผ่านยากระบุตึงสูงทำแล้วคุ้ม ชี้หากรอสวล.ต้นทุนพุ่งพรวด ด้านผู้บริหารบ้านอังสนาชี้อาคารโลว์ไลท์ไม่จำเป็นต้องใช้ 39 ทวิ เผยแผนลงทุนเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ย่าน CBD มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
การพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สวล.) ถือเป็นด่านหินสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาโครงการอสังหาฯในปัจจุบัน โดยเฉพาะโครงการอาคารสูง แม้กระทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ที่โครงการไม่ผ่านสวล.แต่ได้ดำเนินการก่อสร้างก่อนโดยอาศัยมาตร 39 ทวิ สุดท้ายแล้วก็ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและต่อเนื่องถึงรายได้ที่จะชะลอตัวลง
นางสาวชลิตา อังสนันรัตนา กรรมการผู้จัดการบริษัท บ้านอังสนา จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ พรอม พหลโยธิน 2 กล่าวแสดงความเห็นถึงแนวทางการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(สวล.)ว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีมากในการพัฒนาอสังหาฯ เพราะทุกคนจะได้ดำเนินการอย่างถูกต้องโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม แต่มีข้อเสียที่ใช้ระยะเวลาในการพิจารณานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งในเรื่องของเวลาแล้วถือเป็นต้นทุนของภาคธุรกิจ ยิ่งในภาวะที่ราคาวัสดุก่อสร้างมีการปรับตัวขึ้นสูงมากและรวดเร็ว จะส่งผลให้ต้นทุนปรับขึ้นจนเป็นเหตุให้โครงการขาดทุนได้ในที่สุด เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ขายล่วงหน้าไปแล้ว ไม่สามารถปรับราคาขึ้นตามต้นทุนได้
" สาเหตุดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการตัดสินใจก่อสร้างโดยอาศัยมาตรา 39 ทวิ และไปเสี่ยงกับการขอสวล.ในภายหลัง โดยอาคารสูงที่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างมากกว่า 2 ปี จะคุ้มหากจะเสี่ยงใช้มาตรา 39 ทวิ เพราะต้นทุนขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับอาคารไม่เกิน 8 ชั้นที่การก่อสร้างไม่เกิน 1 ปี ถือว่าไม่คุ้มน่าจะให้ผ่านสวล. แล้วค่อยสร้าง ”
สำหรับโครงการคอนโดฯพรอม พหลโยธิน 2 ปัจจุบันได้ผ่าน สวล.แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนตุลาคม 2552 โดยโครงการดังกล่าวพัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 122 ราคาขาย 7.6 หมื่นบาท/ตร.ม.หรือประมาณ 3 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 75%
นางสาวชลิตา กล่าวถึงแผนการดำเนินงานว่า ในช่วงปลายปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโรงแรม SERENE @ เชียงแสน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ 3 เหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย จำนวน 52 ห้อง ระดับ 5 ดาว ส่วนปี 52 มีแผนที่จะพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อีก 1 โครงการในเขตศูนย์กลางธุรกิจ(CBD)ของกรุงเทพฯ คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อที่ดิน ในย่านนานา แต่เนื่องจากภาวะความไม่สงบจึงยังไม่รีบซื้อที่ดินเข้ามาในขณะนิ้ โดยรูปแบบการลงทุนจะมีทั้งโครงการที่สร้างรายได้จากการขายและรายได้ระยะยาวจากการให้เช่าและบริการ ซึ่งบริษัทมีบริษัทลูกที่ดูแลในด้านการบริหารโรงแรม และบริษัทที่รับบริหารอาคารชุดและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
การพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สวล.) ถือเป็นด่านหินสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาโครงการอสังหาฯในปัจจุบัน โดยเฉพาะโครงการอาคารสูง แม้กระทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ที่โครงการไม่ผ่านสวล.แต่ได้ดำเนินการก่อสร้างก่อนโดยอาศัยมาตร 39 ทวิ สุดท้ายแล้วก็ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและต่อเนื่องถึงรายได้ที่จะชะลอตัวลง
นางสาวชลิตา อังสนันรัตนา กรรมการผู้จัดการบริษัท บ้านอังสนา จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ พรอม พหลโยธิน 2 กล่าวแสดงความเห็นถึงแนวทางการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(สวล.)ว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีมากในการพัฒนาอสังหาฯ เพราะทุกคนจะได้ดำเนินการอย่างถูกต้องโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม แต่มีข้อเสียที่ใช้ระยะเวลาในการพิจารณานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งในเรื่องของเวลาแล้วถือเป็นต้นทุนของภาคธุรกิจ ยิ่งในภาวะที่ราคาวัสดุก่อสร้างมีการปรับตัวขึ้นสูงมากและรวดเร็ว จะส่งผลให้ต้นทุนปรับขึ้นจนเป็นเหตุให้โครงการขาดทุนได้ในที่สุด เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ขายล่วงหน้าไปแล้ว ไม่สามารถปรับราคาขึ้นตามต้นทุนได้
" สาเหตุดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการตัดสินใจก่อสร้างโดยอาศัยมาตรา 39 ทวิ และไปเสี่ยงกับการขอสวล.ในภายหลัง โดยอาคารสูงที่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างมากกว่า 2 ปี จะคุ้มหากจะเสี่ยงใช้มาตรา 39 ทวิ เพราะต้นทุนขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับอาคารไม่เกิน 8 ชั้นที่การก่อสร้างไม่เกิน 1 ปี ถือว่าไม่คุ้มน่าจะให้ผ่านสวล. แล้วค่อยสร้าง ”
สำหรับโครงการคอนโดฯพรอม พหลโยธิน 2 ปัจจุบันได้ผ่าน สวล.แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนตุลาคม 2552 โดยโครงการดังกล่าวพัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 122 ราคาขาย 7.6 หมื่นบาท/ตร.ม.หรือประมาณ 3 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 75%
นางสาวชลิตา กล่าวถึงแผนการดำเนินงานว่า ในช่วงปลายปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโรงแรม SERENE @ เชียงแสน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ 3 เหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย จำนวน 52 ห้อง ระดับ 5 ดาว ส่วนปี 52 มีแผนที่จะพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อีก 1 โครงการในเขตศูนย์กลางธุรกิจ(CBD)ของกรุงเทพฯ คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อที่ดิน ในย่านนานา แต่เนื่องจากภาวะความไม่สงบจึงยังไม่รีบซื้อที่ดินเข้ามาในขณะนิ้ โดยรูปแบบการลงทุนจะมีทั้งโครงการที่สร้างรายได้จากการขายและรายได้ระยะยาวจากการให้เช่าและบริการ ซึ่งบริษัทมีบริษัทลูกที่ดูแลในด้านการบริหารโรงแรม และบริษัทที่รับบริหารอาคารชุดและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์