D-MARK ขอยื่นแผนต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ 30 ก.ย. นี้ หลังพยายามปรับและเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูและชำระหนี้ได้บางช่วง เพราะหลังเกิดการปฎิวัติรัฐประหารปี 50 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมและภาคการบริโภค ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ขณะที่ผลงานงวดสิ้นปี 50 ขาดทุน 215 ล้านบาท จากการยกเลิกฟาร์มที่จันทบุรีและต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น
นายอนันต์ จันทรานุกูล บริษัท พันธุ์สุกรไทย-เดนมาร์ค จำกัด ( มหาชน ) (D-MARK) ในฐานะผู้บริหารแผน บริษัท พันธุ์สุกรไทย-เดนมาร์ค จำกัด ( มหาชน ) ในฐานะผู้บริหารแผน แจ้งว่าตั้งแต่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งแต่งตั้งผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549 เป็นต้นมา บริษัทฯได้พยายามปรับตัวและเตรียมการดำเนินการตามแผนเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปและสามารถชำระหนี้ได้ โดยบริษัทฯชำระหนี้ตามแผนได้บางส่วนในช่วงแรก แต่ได้เกิดเหตุการณ์การปฎิวัติรัฐประหารขึ้นในปีเดียวกันเกิดผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมและภาคการบริโภค การขยายตัวของภาคธุรกิจหยุดชะงัก ภาคปศุสัตว์เองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาคธุรกิจรวมถึงบริษัทฯได้รับผลกระทบไปด้วย
จากปัจจัยต่างๆดังกล่าว ทำให้บริษัทไม่สามารถปฎิบัติได้ตามแผนฯได้ และได้แถลงขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยมีกำหนดยื่นแผนที่ขอแก้ไขต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2551 เพื่อเสนอต่อที่ประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาต่อไป
พร้อมกันนี้ D-MARK ยังแจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 50 ว่าบริษัทมีรายได้รวม 227.11 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 409.26 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวม 441.68 ล้านบาท หรือลดลง 448.67 ล้านบาท มีผลขาดทุนก่อนดอกเบี้ยจ่าย 214.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนดังกล่าวเพียง 39.42 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 214.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 227.52 ล้านบาท
ขณะที่มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 86.19 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 86.19 ล้านบาท แต่ก็มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานสุทธิ 214.62 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12.90 ล้านบาท
เนื่องจากปี 2550 บริษัทฯยกเลิกการดำเนินการเลี้ยงสุกรที่ฟาร์มทรายขาว จังหวัดจันทบุรี มีผลขาดทุนจากการยกเลิกหน่วยงาน 61.82 ล้านบาท และผลประกอบการปี 2550 มียอดขายลดลงจากการที่ฟาร์มดังกล่าวหยุดดำเนินงาน และปีนี้ธุรกิจสุกรประสบปัญหาภาวะต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นสูงมาก ส่วนหนึ่งมาจากการใช้พืชอาหารสัตว์ไปเป็นพืชพลังงานจำพวกข้าวโพดและมันสำปะหลัง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบทางตรงจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจและการการบริโภคภายในประเทศลดลง ราคาขายสุกรตกต่ำ โดยที่ปริมาณสุกรทั้งประเทศยังมีมาก ทำให้ปีนี้บริษัทฯประสบสภาวะการขาดทุนสูง
นายอนันต์ จันทรานุกูล บริษัท พันธุ์สุกรไทย-เดนมาร์ค จำกัด ( มหาชน ) (D-MARK) ในฐานะผู้บริหารแผน บริษัท พันธุ์สุกรไทย-เดนมาร์ค จำกัด ( มหาชน ) ในฐานะผู้บริหารแผน แจ้งว่าตั้งแต่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งแต่งตั้งผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549 เป็นต้นมา บริษัทฯได้พยายามปรับตัวและเตรียมการดำเนินการตามแผนเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปและสามารถชำระหนี้ได้ โดยบริษัทฯชำระหนี้ตามแผนได้บางส่วนในช่วงแรก แต่ได้เกิดเหตุการณ์การปฎิวัติรัฐประหารขึ้นในปีเดียวกันเกิดผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมและภาคการบริโภค การขยายตัวของภาคธุรกิจหยุดชะงัก ภาคปศุสัตว์เองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาคธุรกิจรวมถึงบริษัทฯได้รับผลกระทบไปด้วย
จากปัจจัยต่างๆดังกล่าว ทำให้บริษัทไม่สามารถปฎิบัติได้ตามแผนฯได้ และได้แถลงขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยมีกำหนดยื่นแผนที่ขอแก้ไขต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2551 เพื่อเสนอต่อที่ประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาต่อไป
พร้อมกันนี้ D-MARK ยังแจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 50 ว่าบริษัทมีรายได้รวม 227.11 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 409.26 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวม 441.68 ล้านบาท หรือลดลง 448.67 ล้านบาท มีผลขาดทุนก่อนดอกเบี้ยจ่าย 214.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนดังกล่าวเพียง 39.42 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 214.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 227.52 ล้านบาท
ขณะที่มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 86.19 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 86.19 ล้านบาท แต่ก็มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานสุทธิ 214.62 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12.90 ล้านบาท
เนื่องจากปี 2550 บริษัทฯยกเลิกการดำเนินการเลี้ยงสุกรที่ฟาร์มทรายขาว จังหวัดจันทบุรี มีผลขาดทุนจากการยกเลิกหน่วยงาน 61.82 ล้านบาท และผลประกอบการปี 2550 มียอดขายลดลงจากการที่ฟาร์มดังกล่าวหยุดดำเนินงาน และปีนี้ธุรกิจสุกรประสบปัญหาภาวะต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นสูงมาก ส่วนหนึ่งมาจากการใช้พืชอาหารสัตว์ไปเป็นพืชพลังงานจำพวกข้าวโพดและมันสำปะหลัง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบทางตรงจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจและการการบริโภคภายในประเทศลดลง ราคาขายสุกรตกต่ำ โดยที่ปริมาณสุกรทั้งประเทศยังมีมาก ทำให้ปีนี้บริษัทฯประสบสภาวะการขาดทุนสูง
