ประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต ชี้ภาพรวมตลาดปีหน้าสดใสตามความมั่นใจของผู้บริโภคที่น่าจะฟื้นตัว ยอมรับเอ็นพีแอลปีนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยส่วนความคืบหน้าการขอผ่อนผันเกณฑ์ชำระขึ้นต่ำขณะนี้ได้ยื่นข้อมูลให้ธปท.แล้ว ล่าสุดธนาคารกรุงเทพร่วมททท. จัด"โครงการบัตรเครดิตท่องเที่ยวธนาคารกรุงเทพ" ส่งเสริมให้ท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น
นายโชค ณ ระนอง ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในฐานะประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตในปีหน้ามีแนวโน้มจะดีกว่าในปีนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นน่าของผู้บริโภคน่าจะมีมากขึ้น จากราคาน้ำมันที่ลดลงและอัตราเงินเฟ้อที่จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ผู้บริโภคน่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น
สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของระบบธุรกิจบัตรเครดิตในปีนี้น่าจะมีขยายตัวอยู่ที่ 15-16% จากต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการขยายตัวอยู่ที่ 13-14% โดยการขยายตัวทั้งปีที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยนั้นมาจาก 2 ปัจจัย คือ ราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ผู้บริโภคมีเงินมากขึ้น และปัจจัยทางด้านการเมืองน่าจะมีความสงบมากกว่าในปัจจุบันซึ่งจะมีผลทำให้ผู้บริโภครู้สึกอย่างจับจ่ายใช้สอยเพิ่ม
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ยอมรับว่ามีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อนเล็กน้อย เพราะสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงเกณฑ์การผ่อนชำระขึ้นต่ำจากเดิม 5% เพิ่มมาเป็น 10% ซึ่งได้ส่งผลกระทบกับลูกค้าบางกลุ่ม ทำให้ไม่สามารถจะชำระหนี้ได้
"ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของระบบตอนนี้ก็เพิ่มมีมากขึ้น ส่วนการชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะมีผลต่อความรู้สึกอยากจับจ่ายใช้จ่ายหรือไม่นั้น มองว่าการชุมนุมน่าจะเป็นระยะสั้น ทำให้ทั้งปีก็น่าจะเติบโตได้ประมาณ 15-16% ก็ดีขึ้นกว่าปีก่อนแต่ไม่ได้สูงมาก แต่ในปีหน้าจะดีกว่าในปีนี้"
นายโชค กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารกรุงเทพนั้น ขณะนี้มีฐานบัตรเครดิตอยู่ที่ 850,000 ใบ จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 730,000 ใบ และคาดว่าในสิ้นปีนี้ฐานบัตรเครดิตจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 900,000 ใบ ส่วนเอ็นพีแอลบัตรเครดิตของธนาคารนั้นก็มีการเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย หรือประมาณ 0.25% จากเดิม 2 % เป็น 2.25% โดยแนวทางในการติดตามหนี้นั้นธนาคารทำโดยติดตามหนี้เองและจ้างบริษัทภายนอก
สำหรับความคืบหน้ากรณีที่ทางสมาชิกชมรมธุรกิจบัตรเครดิตบางรายได้เสนอให้ทางชมรมทำหนังสือไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพื่อขอผ่อนผันเกณฑ์การชำระขั้นต่ำนั้น ขณะนี้ได้มีทางธนาคารซิตี้แบงก์เป็นผู้นำกลุ่มในการให้ข้อมูลกับ ธปท.ไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทาง ธปท.จะมีความเห็นอย่างไรนั้นยังไม่ทราบ
"เท่าที่ทราบคือตอนนี้ซิตี้แบงก์ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มได้มีการเข้าไปให้ข้อมูลกับแบงก์ชาติบ้างแล้ว น่าจะประมาณ 1-2 ครั้ง ส่วนมีสมาชิกรายไหนที่ขอร่วมขอผ่อนผันด้วยบ้างนั้นไม่ทราบ เพราะผมไม่ได้ดูทุกเรื่อง แต่ในส่วนของแบงก์กรุงเทพไม่ได้ร่วมไปด้วย เพราะที่ผ่านมาได้มีการใช้เกณฑ์ผ่อนชำระขั้นต่ำที่ 10% มาโดยตลอด"
ล่าสุดธนาคารกรุงเทพได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดโครงการบัตรเครดิตท่องเที่ยวธนาคารกรุงเทพ เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2551 ได้จัดแพ็คเกจท่องเที่ยวโปรแกรมพิเศษ 8 เส้นทางซึ่งจัดขึ้นเฉพาะลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพได้เลือกเดินทางท่องเพียงในราคาพิเศษ ประกอบด้วย เส้นทางที่ 1 ย้อนรอยอดีต 3 มรดกโลก อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำแพงเพชร สุโขทัย เส้นทางที่ 2 วิถีแห่งศรัทธา พิธีแห่ดาวของชาวท่าแร่ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร เส้นทางที่ 3 รับขวัญคชา ปราสาทศรีขรภูมิ สุรินทร์ เส้นทางที่ 4 มหัศจรรย์สามน้ำเมืองระนอง เส้นทางที่ 5 บวชต้นไม้ รักษไพร ไหว้พระในบ้าน อุตรดิตถ์ และแพร่ เส้นทางที่ 6 เส้นทางออมบุญ1 สุพรรณบุรี อุทัยธานี และชัยนาท เส้นทางที่ 7 เส้นทางออมบุญ 2 เปิดมงกุฎแห่งเมืองนคร น้อยรำลึกแคว้นศรีวิชัย นครศรีธรรมราช และเส้นทางที่ 8 ไหว้พระ 9 วัด 7 รัชกาล
นายโชค กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรท่องเที่ยวอยู่ที่ 180,000 ใบ และในสิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 200,000 ใบ ส่วนเป้าหมายในการร่วมโครงการนี้กับ ททท.มุ่งเน้นจะเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะมุ่งการกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร
นายโชค ณ ระนอง ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในฐานะประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตในปีหน้ามีแนวโน้มจะดีกว่าในปีนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นน่าของผู้บริโภคน่าจะมีมากขึ้น จากราคาน้ำมันที่ลดลงและอัตราเงินเฟ้อที่จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ผู้บริโภคน่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น
สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของระบบธุรกิจบัตรเครดิตในปีนี้น่าจะมีขยายตัวอยู่ที่ 15-16% จากต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการขยายตัวอยู่ที่ 13-14% โดยการขยายตัวทั้งปีที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยนั้นมาจาก 2 ปัจจัย คือ ราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ผู้บริโภคมีเงินมากขึ้น และปัจจัยทางด้านการเมืองน่าจะมีความสงบมากกว่าในปัจจุบันซึ่งจะมีผลทำให้ผู้บริโภครู้สึกอย่างจับจ่ายใช้สอยเพิ่ม
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ยอมรับว่ามีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อนเล็กน้อย เพราะสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงเกณฑ์การผ่อนชำระขึ้นต่ำจากเดิม 5% เพิ่มมาเป็น 10% ซึ่งได้ส่งผลกระทบกับลูกค้าบางกลุ่ม ทำให้ไม่สามารถจะชำระหนี้ได้
"ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของระบบตอนนี้ก็เพิ่มมีมากขึ้น ส่วนการชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะมีผลต่อความรู้สึกอยากจับจ่ายใช้จ่ายหรือไม่นั้น มองว่าการชุมนุมน่าจะเป็นระยะสั้น ทำให้ทั้งปีก็น่าจะเติบโตได้ประมาณ 15-16% ก็ดีขึ้นกว่าปีก่อนแต่ไม่ได้สูงมาก แต่ในปีหน้าจะดีกว่าในปีนี้"
นายโชค กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารกรุงเทพนั้น ขณะนี้มีฐานบัตรเครดิตอยู่ที่ 850,000 ใบ จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 730,000 ใบ และคาดว่าในสิ้นปีนี้ฐานบัตรเครดิตจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 900,000 ใบ ส่วนเอ็นพีแอลบัตรเครดิตของธนาคารนั้นก็มีการเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย หรือประมาณ 0.25% จากเดิม 2 % เป็น 2.25% โดยแนวทางในการติดตามหนี้นั้นธนาคารทำโดยติดตามหนี้เองและจ้างบริษัทภายนอก
สำหรับความคืบหน้ากรณีที่ทางสมาชิกชมรมธุรกิจบัตรเครดิตบางรายได้เสนอให้ทางชมรมทำหนังสือไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพื่อขอผ่อนผันเกณฑ์การชำระขั้นต่ำนั้น ขณะนี้ได้มีทางธนาคารซิตี้แบงก์เป็นผู้นำกลุ่มในการให้ข้อมูลกับ ธปท.ไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทาง ธปท.จะมีความเห็นอย่างไรนั้นยังไม่ทราบ
"เท่าที่ทราบคือตอนนี้ซิตี้แบงก์ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มได้มีการเข้าไปให้ข้อมูลกับแบงก์ชาติบ้างแล้ว น่าจะประมาณ 1-2 ครั้ง ส่วนมีสมาชิกรายไหนที่ขอร่วมขอผ่อนผันด้วยบ้างนั้นไม่ทราบ เพราะผมไม่ได้ดูทุกเรื่อง แต่ในส่วนของแบงก์กรุงเทพไม่ได้ร่วมไปด้วย เพราะที่ผ่านมาได้มีการใช้เกณฑ์ผ่อนชำระขั้นต่ำที่ 10% มาโดยตลอด"
ล่าสุดธนาคารกรุงเทพได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดโครงการบัตรเครดิตท่องเที่ยวธนาคารกรุงเทพ เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2551 ได้จัดแพ็คเกจท่องเที่ยวโปรแกรมพิเศษ 8 เส้นทางซึ่งจัดขึ้นเฉพาะลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพได้เลือกเดินทางท่องเพียงในราคาพิเศษ ประกอบด้วย เส้นทางที่ 1 ย้อนรอยอดีต 3 มรดกโลก อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำแพงเพชร สุโขทัย เส้นทางที่ 2 วิถีแห่งศรัทธา พิธีแห่ดาวของชาวท่าแร่ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร เส้นทางที่ 3 รับขวัญคชา ปราสาทศรีขรภูมิ สุรินทร์ เส้นทางที่ 4 มหัศจรรย์สามน้ำเมืองระนอง เส้นทางที่ 5 บวชต้นไม้ รักษไพร ไหว้พระในบ้าน อุตรดิตถ์ และแพร่ เส้นทางที่ 6 เส้นทางออมบุญ1 สุพรรณบุรี อุทัยธานี และชัยนาท เส้นทางที่ 7 เส้นทางออมบุญ 2 เปิดมงกุฎแห่งเมืองนคร น้อยรำลึกแคว้นศรีวิชัย นครศรีธรรมราช และเส้นทางที่ 8 ไหว้พระ 9 วัด 7 รัชกาล
นายโชค กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรท่องเที่ยวอยู่ที่ 180,000 ใบ และในสิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 200,000 ใบ ส่วนเป้าหมายในการร่วมโครงการนี้กับ ททท.มุ่งเน้นจะเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะมุ่งการกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร
