ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดปีหน้า จัดตั้งกระดานซื้อขายเพิ่มรองรับดึงบริษัทต่างชาติดูอัลลิสต์ติ้ง เบื้องต้นเจาะ 3 ประเทศ "เวียดนาม –กัมพูชา - ลาว" เล็งปรับเกณฑ์รับหลักทรัพย์ภายในสิ้นปีนี้ " ชนิตร" เผย ผลไปโรดโชว์เวียดนาม มี บจ.สนใจเข้าฟัง 7-10 บริษัท มาร์เกตแคปรวม 5 หมื่นล้านบาท เดือนหน้าเตรียมเดินสายกัมพูชา
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีแผนที่จะเปิดกระดานซื้อขายหุ้นเพื่อรองรับบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน2 ตลาด (ดูอัลลิสต์ติ้ง)ในปีหน้า ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นบริษัทที่ทำธุรกิจใน3 ประเทศก่อน คือ ประเทศเวียดนาม ลาว กัมพูชา โดยบริษัทที่จะเข้ามาซื้อขายในกระดานดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นบริษัทไทยที่ไปทำธุรกิจใน 3 ประเทศดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้เข้ามาระดมทุนในประเทศไทย และนำไปขยายธุรกิจในต่างประเทศ เพราะ 3 ประเทศดังกล่าว มีบริษัทไทยเข้าไปทำธุรกิจจำนวนมาก
ทั้งนี้ จากการแยกกระดานการซื้อขาย เพราะต้องการให้นักลงทุนทราบว่าหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นที่จดทะเบียน 2 ตลาด และกฎเกณฑ์ในการรับหลักทรัพย์ฯและการเปิดเผยข้อมูลจะไม่เข้มเหมือนกับบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งนักลงทุนต้องรับความเสี่ยงดังกล่าวในการเข้ามาลงทุน โดยบริษัทในประเทศเวียดนามจะเปิดเผยข้อมูลทุก 6 เดือน แต่บจ.ไทยจะต้องเปิดเผยข้อมูลทุกไตรมาส ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะปรับปรุงเกณฑ์การรับหลักทรัพย์บริษัทต่างประเทศมาจดทะเบียน2 ตลาดเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อปีหน้าจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียน
สำหรับเมื่อวันที่ 21-22 สิงหาคมนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ไปนำเสนอข้อมูลในการเชิญชวนให้บริษัทในประเทศเวียดนามเข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาดในประเทศไทย โดยไปร่วมกับทางบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ซาคอมแบงก์ ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศเวียดนามที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 การสัมมนาครั้งนี้มีบริษัทเวียดนามให้ความสนใจเข้าฟังจำนวน 7-10 บริษัท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) 50,000 ล้านบาท
"การไปจัดสัมมนาเชิญชวนให้บริษัทเวียดนามเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราไปบอกว่าเรายินดีต้อนรับบริษัทเวียดนามเข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาด ซึ่งการที่บริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาด เราต้องปรับเกณฑ์เพื่อรองรับ โดยจะนำเกณฑ์ของเวียดนามมาปรับใช้ ซึ่งเกณฑ์อาจจะไม่เข้มงวดเหมือนกับบจ.ไทยในเรื่องการเปิดเผยข้อมูล " นายชนิตร กล่าว
นอกจากนี้บริษัทที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม 4-5 บริษัท สนใจที่เข้ามาฟังและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เพราะนอกจากบริษัทดังกล่าวจะได้ระดมทุนในประเทศไทยแล้วยังได้ผลดีในเรื่องการค้าขายสินค้า ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำบริษัทจดทะเบียนไทยไปพบกับบริษัทเวียดนามเพื่อที่จะให้เกิดการทำการค้าเพิ่มขึ้น
นายชนิตรกล่าวว่าการที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลง 40-50 % มีปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อสูง แต่การที่ประเทศดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตและมีบริษัทเข้ามาลงทุนสูง เชื่อว่าทางผู้บริหารประเทศจะดูแลจัดการเรื่องเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยนได้ จึงมีความสนใจที่จะไปชวนบริษัทในเวียดนามเข้ามาจดทะเบียน โดยเดือนหน้าตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนไปชวนบริษัทในกัมพูชา เข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาด ซึ่งจะไปร่วมกับสมาคมผู้สอบบัญชี
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีแผนที่จะเปิดกระดานซื้อขายหุ้นเพื่อรองรับบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน2 ตลาด (ดูอัลลิสต์ติ้ง)ในปีหน้า ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นบริษัทที่ทำธุรกิจใน3 ประเทศก่อน คือ ประเทศเวียดนาม ลาว กัมพูชา โดยบริษัทที่จะเข้ามาซื้อขายในกระดานดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นบริษัทไทยที่ไปทำธุรกิจใน 3 ประเทศดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้เข้ามาระดมทุนในประเทศไทย และนำไปขยายธุรกิจในต่างประเทศ เพราะ 3 ประเทศดังกล่าว มีบริษัทไทยเข้าไปทำธุรกิจจำนวนมาก
ทั้งนี้ จากการแยกกระดานการซื้อขาย เพราะต้องการให้นักลงทุนทราบว่าหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นที่จดทะเบียน 2 ตลาด และกฎเกณฑ์ในการรับหลักทรัพย์ฯและการเปิดเผยข้อมูลจะไม่เข้มเหมือนกับบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งนักลงทุนต้องรับความเสี่ยงดังกล่าวในการเข้ามาลงทุน โดยบริษัทในประเทศเวียดนามจะเปิดเผยข้อมูลทุก 6 เดือน แต่บจ.ไทยจะต้องเปิดเผยข้อมูลทุกไตรมาส ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะปรับปรุงเกณฑ์การรับหลักทรัพย์บริษัทต่างประเทศมาจดทะเบียน2 ตลาดเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อปีหน้าจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียน
สำหรับเมื่อวันที่ 21-22 สิงหาคมนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ไปนำเสนอข้อมูลในการเชิญชวนให้บริษัทในประเทศเวียดนามเข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาดในประเทศไทย โดยไปร่วมกับทางบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ซาคอมแบงก์ ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศเวียดนามที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 การสัมมนาครั้งนี้มีบริษัทเวียดนามให้ความสนใจเข้าฟังจำนวน 7-10 บริษัท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) 50,000 ล้านบาท
"การไปจัดสัมมนาเชิญชวนให้บริษัทเวียดนามเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราไปบอกว่าเรายินดีต้อนรับบริษัทเวียดนามเข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาด ซึ่งการที่บริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาด เราต้องปรับเกณฑ์เพื่อรองรับ โดยจะนำเกณฑ์ของเวียดนามมาปรับใช้ ซึ่งเกณฑ์อาจจะไม่เข้มงวดเหมือนกับบจ.ไทยในเรื่องการเปิดเผยข้อมูล " นายชนิตร กล่าว
นอกจากนี้บริษัทที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม 4-5 บริษัท สนใจที่เข้ามาฟังและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เพราะนอกจากบริษัทดังกล่าวจะได้ระดมทุนในประเทศไทยแล้วยังได้ผลดีในเรื่องการค้าขายสินค้า ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำบริษัทจดทะเบียนไทยไปพบกับบริษัทเวียดนามเพื่อที่จะให้เกิดการทำการค้าเพิ่มขึ้น
นายชนิตรกล่าวว่าการที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลง 40-50 % มีปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อสูง แต่การที่ประเทศดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตและมีบริษัทเข้ามาลงทุนสูง เชื่อว่าทางผู้บริหารประเทศจะดูแลจัดการเรื่องเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยนได้ จึงมีความสนใจที่จะไปชวนบริษัทในเวียดนามเข้ามาจดทะเบียน โดยเดือนหน้าตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนไปชวนบริษัทในกัมพูชา เข้ามาจดทะเบียน 2 ตลาด ซึ่งจะไปร่วมกับสมาคมผู้สอบบัญชี
