"ภาคใต้เชื้อเพลิง"ยอมรับปีนี้ยอดขายน้ำมันพลาดเป้าเฉียด 50%เหลือเพียง 300 ล้านลิตร สาเหตุจากราคาน้ำมันที่สูงทำให้ผู้บริโภคลดการใช้ลง และเบรกธุรกิจค้าส่งน้ำมัน เล็งพลิกวิกฤตเป็นโอกาสฉวยจังหวะปั๊มเล็กปิดตัว เจรจาดึงเข้าร่วมทำปั๊มภายใต้แบรนด์พีที เผย 7 เดือนแรกปีนี้เปิดปั๊มเพิ่ม 28 แห่ง
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด (มหาชน) (พีที) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ทำให้ยอดการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ลดการใช้จ่ายลง และยอดการใช้ก๊าซหุงต้ม เอ็นจีวีและแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการบริโภคน้ำมันโดยรวมลดลงไปแล้ว 20% ดังนั้น บริษัทฯยังไม่คิดจะกลับไปทำธุรกิจค้าส่งน้ำมันอีก หลังจากได้หยุดไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันมีปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปเหลือ จนต้องส่งออกและหันมาทำตลาดในประเทศเพื่อขายแข่งกับผู้ค้าส่งด้วย แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงก็ตาม
จากปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้น ทำให้ยอดขายน้ำมันของบริษัทฯในปีนี้พลาดเป้าจากเดิมที่ตั้งไว้ 500 ล้านลิตร ลดลงเหลือเพียง 300 ล้านลิตร หรือลดลงเกือบ 50% โดยในครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานไม่ดี เนื่องจากในช่วงเม.ย.-พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีการปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ ทำให้ทุกลิตรที่จำหน่ายขาดทุน
นายพิทักษ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อขอวงเงินกู้ระยะสั้นอีก 100-200 ล้านบาทจากเดิมที่มีหนี้หมุนเวียนอยู่ 500 ล้านบาท เพื่อใช้สั่งซื้อน้ำมันเพิ่มเติม หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นในการสต็อกน้ำมันตามกฎหมาย 5%ของยอดขายด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้มองวิกฤตให้เป็นโอกาส เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีปั๊มน้ำมันที่ไม่มีแบรนด์ปิดตัวไปจำนวนมากรวม จึงเป็นโอกาสที่บริษัทฯดึงเข้ามาทำภายใต้แบรนด์พีที แทนการลงทุนสร้างปั๊มน้ำมันใหม่ที่ต้องใช้เวลาคืนทุนนาน ทำให้ปั๊มพีทีมีการขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาควบคู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันด้วย โดยช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมีการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันพีทีอีก 28 แห่ง คาดว่าทั้งปีจะเพิ่มปั๊มน้ำมันได้อีก 40 แห่ง รวมเป็น 250 แห่งทั่วประเทศ
" ขณะนี้ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันดีขึ้น มีค่าการตลาดสูงทำให้ผู้ค้าน้ำมันรายเล็กอยู่ได้ ส่งผลให้ปั๊มน้ำมันเล็กๆที่ไม่มีแบรนด์ แต่ยอดการใช้น้ำมันที่ลดลงนี้เอง จะทำให้การแข่งขันในธุรกิจนี้กลับมาเข้มข้นอีกครั้ง "นายพิทักษ์ กล่าว
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด (มหาชน) (พีที) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ทำให้ยอดการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ลดการใช้จ่ายลง และยอดการใช้ก๊าซหุงต้ม เอ็นจีวีและแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการบริโภคน้ำมันโดยรวมลดลงไปแล้ว 20% ดังนั้น บริษัทฯยังไม่คิดจะกลับไปทำธุรกิจค้าส่งน้ำมันอีก หลังจากได้หยุดไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันมีปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปเหลือ จนต้องส่งออกและหันมาทำตลาดในประเทศเพื่อขายแข่งกับผู้ค้าส่งด้วย แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงก็ตาม
จากปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้น ทำให้ยอดขายน้ำมันของบริษัทฯในปีนี้พลาดเป้าจากเดิมที่ตั้งไว้ 500 ล้านลิตร ลดลงเหลือเพียง 300 ล้านลิตร หรือลดลงเกือบ 50% โดยในครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานไม่ดี เนื่องจากในช่วงเม.ย.-พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีการปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ ทำให้ทุกลิตรที่จำหน่ายขาดทุน
นายพิทักษ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อขอวงเงินกู้ระยะสั้นอีก 100-200 ล้านบาทจากเดิมที่มีหนี้หมุนเวียนอยู่ 500 ล้านบาท เพื่อใช้สั่งซื้อน้ำมันเพิ่มเติม หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นในการสต็อกน้ำมันตามกฎหมาย 5%ของยอดขายด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้มองวิกฤตให้เป็นโอกาส เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีปั๊มน้ำมันที่ไม่มีแบรนด์ปิดตัวไปจำนวนมากรวม จึงเป็นโอกาสที่บริษัทฯดึงเข้ามาทำภายใต้แบรนด์พีที แทนการลงทุนสร้างปั๊มน้ำมันใหม่ที่ต้องใช้เวลาคืนทุนนาน ทำให้ปั๊มพีทีมีการขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาควบคู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันด้วย โดยช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมีการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันพีทีอีก 28 แห่ง คาดว่าทั้งปีจะเพิ่มปั๊มน้ำมันได้อีก 40 แห่ง รวมเป็น 250 แห่งทั่วประเทศ
" ขณะนี้ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันดีขึ้น มีค่าการตลาดสูงทำให้ผู้ค้าน้ำมันรายเล็กอยู่ได้ ส่งผลให้ปั๊มน้ำมันเล็กๆที่ไม่มีแบรนด์ แต่ยอดการใช้น้ำมันที่ลดลงนี้เอง จะทำให้การแข่งขันในธุรกิจนี้กลับมาเข้มข้นอีกครั้ง "นายพิทักษ์ กล่าว
