เชียงราย - เจ้าของปั๊มน้ำมันในจังหวัดเชียงราย หาทางปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในยุคน้ำมันแพงสูงสุดลิตรละ 44 บาท สลัดคราบเถ้าแก่ หันรับจ้างขายกินเปอร์เซ็นต์ลดความเสี่ยง ประธานชมรมผู้ค้าน้ำมันฯ ชี้นับวันปั๊มน้ำมันในเชียงรายจำลดลงเรื่อยๆ ผู้บริหารบริษัทนำเที่ยวต่างประเทศชื่อดัง ประกาศยังไม่ขึ้นราคาค่าตั๋ว แต่เลิกให้ส่วนลด หลังน้ำมันแพงจัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงต่อเนื่องมากที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกแล้ว ที่จังหวัดเชียงราย ดีเซลสูงสุดถึงลิตรละ 44.18 บาท ซึ่งจากการสำรวจ พบว่า ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.ห้าแยกพ่อขุนเม็งรายมหาราช เขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงรายดีเซล ราคาจำหน่าย ลิตรละ 41.39 บาท เบนซิน 91 ลิตรละ 41.34 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 36.94 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 37.74 บาท
ส่วน ปั๊มน้ำมันเชลล์ สาขาประตูเชียงใหม่ เลขที่ 93 ถนนราชโยธา เขตเทศบาลนครเชียงราย น้ำมันดีเซลธรรมดา ราคาจำหน่าย ลิตรละ 42.19 บาท ดีเซล วี-เพาเวอร์ ลิตรละ 44.18 บาท เบนซิน 91 ลิตรละ 42.14 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 38.54 บาท
นางสุชาดา ศิริจันทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการ พีโอเอ็มกรุ๊ป ซึ่งดูแลปั๊มน้ำมันเชลล์ สาขาประตูเชียงใหม่ เขตเทศบาลนครเชียงราย กล่าวว่าราคาน้ำมันระยะนี้ขึ้นติดต่อกันมา 3 วันๆละ 80 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ราคาสูงสุดถึงลิตรละ 44.18 บาท ในส่วนของวี-เพาเวอร์ดีเซล ที่เหลือก็ลดหลั่นลงมา แต่ก็ถือว่าเกินกว่า 40 บาทไปแล้ว ทำให้เจ้าของปั๊มน้ำมันทั่วไปเริ่มอยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนการซื้อน้ำมันมาขายสูงวันละหลายแสนบาท แต่ค่าการตลาดเท่าเดิม
ขณะนี้บริษัทเชลล์ จึงทำโครงการ RBA หรือการร่วมทุนระหว่างบริษัทน้ำมันและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยบริษัทจะเป็นผู้ส่งน้ำมันจากคลังมาที่ปั๊ม โดยเจ้าของปั๊มในพื้นที่ไม่ต้องจ่ายเงินค่าซื้อน้ำมันเช่นอดีต แต่ให้ช่วยดูแลด้านการขายและนำส่งเงินค่าขายน้ำมันทุกวันตามเป้า และเจ้าของปั๊มจะมีรายได้จากเปอร์เซ็นต์การขาย -การบริหารปั๊มน้ำมัน ไม่ต้องกังวลกับการหาเงินสดมาซื้อน้ำมันอีกต่อไป ซึ่งน่าจะเป็นทางรอดของผู้ประกอบการท้องถิ่น
ล่าสุดปั๊มเชลล์ จ.เชียงราย เข้าโครงการ RBA ราว 3 แห่ง และน่าจะมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันยังคาดเดายากแต่มีผลกระทบต่อประชาชนแน่นอน
ด้านนายประณต จิริศานต์ ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ประกอบการเจ้าของปั๊มน้ำมันในเชียงราย ยอมรับว่า จากปัญหาน้ำมันแพงมาก ราคาขยับขึ้นในรอบครึ่งปี 2551 กว่าลิตรละ 10 บาทเศษ ทำให้เจ้าของปั๊มมีปัญหาเรื่องการซื้อน้ำมันมาขาย แต่ละวันอาจต้องใช้เงินหมุนเวียนกว่า 300,000 บาทขึ้นไป จึงต้องหาทางรอดด้วยการเข้าร่วมกับบริษัทน้ำมัน และอนาคตเชื่อว่าประชาชนจะหาทางออกด้านพลังงานมากขึ้น เช่น ลดการใช้ หรือ ประหยัด และหันไปใช้แก๊สมากขึ้น แต่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ยังไม่มีปั๊มแก๊ส เอ็นจีวี (NGV) จึงมีแต่ผู้ติดตั้งแก๊ส แอลพีจี (LPG) แต่มีข่าวว่าจะมีการมาตั้งปั๊มแก๊สเอ็นจีวีในปลายปีนี้
ขณะนี้เชียงรายมีปั๊มแก๊สแอลพีจี(LPG) 3 แห่ง ก็เริ่มปรับราคาขายขึ้นต่อเนื่องจากราวลิตรละ 10 บาท เป็น 12-13 บาท แล้ว หลังจากรัฐบาล มีแนวทางลอยตัวแก๊สแอลพีจีในกลุ่มรถยนต์ แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ราคาก็ถูกกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงลิตรละกว่า 30 บาท จึงเป็นที่นิยมของผู้ใช้รถยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน นำรถยนต์เบนซินมาติดตั้งแก๊สแอลพีจี รวมถึงเรือหางยาวในแม่น้ำกก และแม่น้ำโขงก็ใช้แก๊สแอลพีจีกันเกือบทั้งหมด
นายโกวิท ศุภมงคล ประธานชมรมผู้ค้าน้ำมัน จ.เชียงราย กล่าวว่า ยุคนี้น้ำมันเชื้อเพลิงราคาแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าของปั๊มน้ำมันในจังหวัดเชียงราย เริ่มลดลงเรื่อยๆ จากที่มีเกือบ 200 รายในอดีตเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันน่าจะไม่เกิน 100 ราย และจะลดลงต่อเนื่อง หลายรายจึงทางออกด้วยการไปร่วมกับบริษัทน้ำมัน ในการที่ให้บริษัทน้ำมันรับผิดชอบในเรื่องการขนส่งน้ำมันมาจำหน่ายเอง แต่เจ้าของปั๊มดูแลด้านการบริหาร พร้อมหารายได้เพิ่มจากการขายน้ำมันอื่นๆ เช่น น้ำมันเครื่อง บริการล้างรถ หรือจำหน่ายสินค้าในปั๊มแทน หมดยุคเถ้าแก่ปั๊มน้ำมัน หรือเสี่ยเจ้าของปั๊มน้ำมันที่เฟื่องฟูแบบในอดีต
เขาบอกว่า ราคาน้ำมันที่สูงเกินลิตรละ 40 บาท ทำให้กระทบต่อประชาชนทุกด้าน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปในระยะยาว ก็จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลได้ในที่สุด ซึ่งต้องหาทางแก้ไขให้แก่ประชาชน เช่นหาทางออกเรื่องระบบขนส่งมวลชนลดการใช้น้ำมัน และให้ข้าวของราคาไม่แพงมากนัก เป็นต้น
ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา ผู้บริหารบริษัทแม่โขงเดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด กล่าวว่าขณะนี้ บริษัทยังไม่มีการปรับราคาค่าบริการนำเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน เส้นทางไปรถยนต์ผ่านถนน R3a และกลับด้วยเรือเร็ว 50 ที่นั่งในแม่น้ำโขง แต่ก็ไม่มีส่วนลดให้แก่ลูกค้าอีกแล้ว เนื่องจากราคาค่าน้ำมันค่ารถและน้ำมันเรือสูงมาก ซึ่งบริษัทไม่อยากผลักภาระให้แก่นักท่องเที่ยว จึงยังยืนราคาเดิมต่อไปก่อน
ขณะที่ประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์บางราย กล่าวว่า ในอดีตเติมน้ำมันเต็มถังใช้เงินราว 90 บาท แต่ตอนนี้ต้องใช้เงินมากขึ้นถึงเกือบเท่าตัวคือ 150 บาท ทำให้เดือดร้อนมากขึ้น และข้าวของมีราคาแพงไปหมด ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีก็ต้องหาทางประหยัด