ซีพี ออลล์ รอเวียดนามเปิดเสรีค้าปลีกปี 52 หวังเปิดสาขาคาดใช้เวลา8-12 เดือน ขณะดีลขายโลตัสเซี่ยงไฮ้ ยังไม่จบ เหตุใช้เวลานานเพื่อขออนุญาตรัฐบาลจีนเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้น คาดเสร็จภายในปีนี้ เชื่อรับรู้ผลขาดทุนต่ำกว่าปี 50 ลั่นรายได้ปีนี้ไม่ขยับต่ำกว่า15% เตรียมเปิดศูนย์กระจายสินค้าเพิ่ม 3 แห่ง รองรับผุดสาขาในประเทศครบ 7 พันสาขา
นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)หรือ CPALL เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเปิดสาขา เซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศเวียดนามว่าคาดใช้เวลาในการเปิดประมาณ 8-12 เดือน เนื่องจากประเทศเวียดนามยังไม่เปิดเสรีให้บริษัทต่างชาติประกอบธุรกิจค้าปลีก โดยจะเปิดเสรีในปี 1 มกราคม 2552 และจะเปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจในประเทศเวียดนาม และทางอเมริกาซึ่งเป็นลิขสิทธิ์แบรนด์เซเว่น อีเลฟเว่น ยังไม่ได้อนุญาตให้มีการเปิดสาขา เพราะ เพิ่งที่จะให้สิทธิเปิดสาขาในไต้หวัน
ทั้งนี้ การที่บริษัทสนใจที่จะไปเปิดสาขาเพราะ ประเทศเวียดนามมีประชากรจำนวนมากและเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต แม้ขณะนี้จะประสบปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อ แต่ก็เชื่อว่าจะผ่านไปได้ ซึ่งการเปิดสาขาในต่างประเทศนั้นเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาว แต่ขณะนี้ธุรกิจหลักของบริษัทยังเป็นการเปิดสาขาร้านสะดวกซื้อภายในประเทศไทย
สำหรับ การขายสินทรัพย์ทั้งหมดในการลงทุน โลตัส เซี่ยงไฮ้ นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการรอให้รัฐบาลจีนมีการอนุญาตให้มีการจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงการเปิดเจ้าของหุ้นที่โลตัส เซี่ยงไฮ้ ซึ่งการที่จะมีการนำเงินไปชำระราคาซื้อขายนั้นก็จะต้องขออนุญาตธนาคารกลางของประเทศจีนก่อน และการที่บริษัทจะขายคืนสาขาโลตัส เซี่ยงไฮ้ที่มีผลขาดทุนให้กับทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ก็จะต้องขออนุญาตซึ่งใช้เวลานาน
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะมีการดำเนินการขายสินทรัพย์เสร็จภายใน31 ธันวาคม 2551 จากเดิมที่คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยบริษัทเชื่อว่าปีนี้จะรับรู้ผลขาดทุนจากการลงทุนในโลตัส เซี่ยงไฮ้ ลดลงกว่าปี 2550 เนื่องจาก ครึ่งปีแรกปีนี้ มีผลขาดทุนจำนวน 511 ล้านบาท ลดลงจากครึ่งปี2550ที่มีจำนวน 1,778 ล้านบาท
นายพิทยา กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2550 ที่มีรายได้รวม 81,807 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,504 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 47,085 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,241 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมีการเปิดสาขาเพิ่ม ซึ่งปีนี้เปิดไปแล้วจำนวน 294 สาขา โดยบริษัทมีแผนที่จะเปิดปีละ 400-450 สาขา และยอดขายต่อร้านต่อสาขาต่อวันปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทก็ยังมีการเติบโตที่ดี แม้การเมืองจะผันผวน เงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่ แต่น้ำมันเริ่มลดลง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 3 แห่ง ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยสาขาแรกจะเปิดที่จังหวัดสุราษฎ์ธานีในปี2552 และเปิดที่ขอนแก่นปี 2553 และเปิดที่จังหวัดเชียงใหม่หรือเชียงรายในปี 2554 เพื่อเป็นการรองรับการเปิดสาขาของบริษัทให้ครบถึง 7,000 สาขาภายในอีก 5 ปีข้างหน้า (2552 -2556) จากปัจจุบันมีสาขาจำนวน 4,573 สาขา ซึ่งคาดปีหน้าจะเปิดได้ 5,000 สาขา ซึ่งปกติบริษัทจะใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 3,500 ล้านบาทในการเปิดสาขาและปรับปรุง
นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)หรือ CPALL เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเปิดสาขา เซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศเวียดนามว่าคาดใช้เวลาในการเปิดประมาณ 8-12 เดือน เนื่องจากประเทศเวียดนามยังไม่เปิดเสรีให้บริษัทต่างชาติประกอบธุรกิจค้าปลีก โดยจะเปิดเสรีในปี 1 มกราคม 2552 และจะเปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจในประเทศเวียดนาม และทางอเมริกาซึ่งเป็นลิขสิทธิ์แบรนด์เซเว่น อีเลฟเว่น ยังไม่ได้อนุญาตให้มีการเปิดสาขา เพราะ เพิ่งที่จะให้สิทธิเปิดสาขาในไต้หวัน
ทั้งนี้ การที่บริษัทสนใจที่จะไปเปิดสาขาเพราะ ประเทศเวียดนามมีประชากรจำนวนมากและเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต แม้ขณะนี้จะประสบปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อ แต่ก็เชื่อว่าจะผ่านไปได้ ซึ่งการเปิดสาขาในต่างประเทศนั้นเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาว แต่ขณะนี้ธุรกิจหลักของบริษัทยังเป็นการเปิดสาขาร้านสะดวกซื้อภายในประเทศไทย
สำหรับ การขายสินทรัพย์ทั้งหมดในการลงทุน โลตัส เซี่ยงไฮ้ นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการรอให้รัฐบาลจีนมีการอนุญาตให้มีการจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงการเปิดเจ้าของหุ้นที่โลตัส เซี่ยงไฮ้ ซึ่งการที่จะมีการนำเงินไปชำระราคาซื้อขายนั้นก็จะต้องขออนุญาตธนาคารกลางของประเทศจีนก่อน และการที่บริษัทจะขายคืนสาขาโลตัส เซี่ยงไฮ้ที่มีผลขาดทุนให้กับทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ก็จะต้องขออนุญาตซึ่งใช้เวลานาน
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะมีการดำเนินการขายสินทรัพย์เสร็จภายใน31 ธันวาคม 2551 จากเดิมที่คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยบริษัทเชื่อว่าปีนี้จะรับรู้ผลขาดทุนจากการลงทุนในโลตัส เซี่ยงไฮ้ ลดลงกว่าปี 2550 เนื่องจาก ครึ่งปีแรกปีนี้ มีผลขาดทุนจำนวน 511 ล้านบาท ลดลงจากครึ่งปี2550ที่มีจำนวน 1,778 ล้านบาท
นายพิทยา กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2550 ที่มีรายได้รวม 81,807 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,504 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 47,085 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,241 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมีการเปิดสาขาเพิ่ม ซึ่งปีนี้เปิดไปแล้วจำนวน 294 สาขา โดยบริษัทมีแผนที่จะเปิดปีละ 400-450 สาขา และยอดขายต่อร้านต่อสาขาต่อวันปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทก็ยังมีการเติบโตที่ดี แม้การเมืองจะผันผวน เงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่ แต่น้ำมันเริ่มลดลง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 3 แห่ง ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยสาขาแรกจะเปิดที่จังหวัดสุราษฎ์ธานีในปี2552 และเปิดที่ขอนแก่นปี 2553 และเปิดที่จังหวัดเชียงใหม่หรือเชียงรายในปี 2554 เพื่อเป็นการรองรับการเปิดสาขาของบริษัทให้ครบถึง 7,000 สาขาภายในอีก 5 ปีข้างหน้า (2552 -2556) จากปัจจุบันมีสาขาจำนวน 4,573 สาขา ซึ่งคาดปีหน้าจะเปิดได้ 5,000 สาขา ซึ่งปกติบริษัทจะใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 3,500 ล้านบาทในการเปิดสาขาและปรับปรุง