รมว.คมนาคม ไฟเขียว ขึ้นค่าด่วนเป็น 45 บ. เริ่ม 1 ก.ย.นี้ พร้อมโยน กทพ.แบกภาระVAT 3 บ. แทนประชาชนไปอีก 1 ปี
วันนี้ (14 ส.ค.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การปรับขึ้นค่าทางด่วนของ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECLได้ให้เป็นไปตามสัญญา คือ ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยให้ปรับขึ้นจาก 40 บาท เป็น 45 บาท และในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม 3 บาท ต้องเก็บเพิ่มจากประชาชนนั้น ได้ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รับภาระแทนประชาชนไปก่อนเป็นเวลาประมาณ 1 ปี จนกว่าระบบเก็บเงินอัตโนมัติติดตั้งแล้วเสร็จ เพราะอาจมีปัญหาในเรื่องของเงินทอน ปัญหาการจราจร รวมถึงขณะนี้ประชาชนประสบปัญหาเรื่องของน้ำมันแพง และสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในวันนี้ได้มีการลงนามในสัญญาจ้างติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติกับ กทพ. และได้เร่งรัดให้ กทพ. เจรจากับ บริษัท ดอนเมืองโทลเวย์ และ BECL เพื่อดำเนินการติดตั้งโดยเร็ว ซึ่งอยากให้แล้วเสร็จภายในปี 2552
โดยวันนี้ กทพ. ได้มีการลงนามสัญญาจ้างกลุ่มบริษัทสมาร์ทเทค ผู้ชนะการประกวดราคาระบบติดค่าผ่านอัตโนมัติ ของทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ระบบทางด่วนขั้นที่ 1) ทางพิเศษฉลองรัช (ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์) และทางพิเศษรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี แล้วเสร็จในเดือน ส.ค. 2552 แบ่งงานเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 ติดตั้งบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษฉลองรัช และงานระยะที่ 2 ติดตั้งบนทางพิเศษรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก โดยเมื่อติดตั้งระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแล้วเสร็จ กทพ.จะยกเลิกการใช้คูปองซึ่งให้ส่วนลดในอัตรา 5 เปอร์ เซ็นต์ เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้ทางหันมาใช้วิธีการชำระค่าผ่านทางโดยระบบอัตโนมัติ
ทั้งนี้ในส่วนของบริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งจะต้องติดตั้งระบบอัตโนมัติด้วยนั้น แม้ว่าขณะนี้ทางเอกชนจะยังไม่ได้ดำเนินการจัดหาผู้รับเหมามาดำเนินการติดตั้ง แต่จะไม่ทำให้เกิดปัญหา เนื่องจากในส่วนของเอกชนมีความคล่องตัวมากกว่าจะสามารถจัดหาผู้รับเหมามาดำเนินการได้โดยไม่ทำให้กำหนดการเปิดใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติล่าช้าไปกว่าที่กำหนด
