xs
xsm
sm
md
lg

"กรณ์" เตือนแบงก์ชาติ หากถอนอายัดเงิน "ทักษิณ" ละเมิดอำนาจศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรณ์ จาติกวณิช
"กรณ์" ดักคอ "แบงก์ชาติ" ไม่มีอำนาจถอนอายัดทรัพย์ "ทักษิณ" จนกว่าการพิจารณาคดีจะถึงที่สิ้นสุด หากถอนอายัดในช่วงนี้จะถือละเมิดคำสั่งของ คตส.จะถือว่าเป็นความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือเลือกปฏิบัติ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย

วันนี้ (13 ส.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในฐานะรัฐมนตรีคลังเงา และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงินการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงกรณี กมธ.เชิญผู้แทนจาก ปปช.กรมบัญชีกลาง กรมสรรพกร และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาให้ข้อมูลกรณีที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐมีมติอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัวนั้น กรรมาธิการในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง เพราะเกรงว่าจะเป็นการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือใครบางคน

ดังนั้น กมธ.จึงต้องมีการระมัดระวังเรื่องนี้ เพราะ คตส.ได้มีมติอายัดทรัพย์ และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด สังฟ้องแล้วและล่าสุด ความเห็นของคณะทำงานร่วมระหว่งอัยการสูงสุด กับ ปปช.ก็เตรียมสั่งฟ้องภายในสัปดาห์นี้ จึงอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนยุติธรรมมากกว่าเพื่อจะได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร

ส่วนกรณีที่ กมธ.ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ เพื่อต้องการหาทางช่วยให้มีการถอดอายัดทรัพย์ หรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า ผู้แทนของ ธปท. ก็ได้มีการชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ธปท.ไม่มีอำนาจในการถอนอายัดทรัพย์ เนื่องจากคำสั่งเกิดจาก คตส.ที่ปฏิบัติตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งให้อำนาจเต็มทั้งกฏหมาย ปปง.และกฏหมาย ปปช. ดังนั้น ธปท.จึงไม่สามารถสั่งให้สถาบันการเงินถอนอายัดทรัพย์ได้ นอกเสียจากกรณีที่ ธปท. มีคำสั่งอายัดตาม พ.ร.บ.ของธนาคารแห่งประเทศไทย

ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์ จึงไม่สามารถที่จะถอดอายัดได้ไป จนกว่าการพิจารณาคดีจะถึงที่สิ้นสุด หากถอนอายัดในช่วงนี้จะถือละเมิดคำสั่งของ คตส.จะถือว่าเป็นความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือเลือกปฏิบัติ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย

ส่วนกรณีที่มีความพยายามจากทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้สถาบันการเงินถอนอายัด นายกรณ์ กล่าวว่า ต้องไปต่อสู้ในชั้นศาลเท่านั้น แต่ก็เป็นที่น่าสังเกต ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่ากระบวนยุติธรรมปฏิบัติ 2 มาตรฐาน แต่กรณีนี้กลับพยายามที่จะมีการเล่นงานสถาบันการเงิน ที่ไม่ถอนอายัดทรัพย์ จึงอยากบอกว่าขณะนี้สังคมรู้ทันและติดตามความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด ไม่เหมือนกับกรณีซุกหุ้น 1 เมื่อปี 2444-2445 ที่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ ที่สำคัญคำสั่งอายัดทรัพย์ของ คตส.ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และส่งให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้พิสูจน์ต่อไป ซึ่งแตกต่างจาก สมัย รสช.ดังนั้นจึงได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่า ใครจะถูกจะผิดก็ต้องไปว่ากันในชั้นศาลเท่านั้น

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่า ประชาชนจะมีความมั่นใจในกระบวนการทำงานของอัยการสูงสุดมากน้อยแค่ไหน เพราะก่อนหน้าที่ได้ตีกลับคดีอายัดทรัพย์ และเพิ่งจะมาฟ้องร่วมกับ ปปช. นายกรณ์ กล่าวว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของอัยการสูงสุดเหมือนกันว่า หากอัยการสั่งไม่ฟ้องในคดีแพ่งและอายัดทรัพย์ ปปช.สามารถที่จะยื่นฟ้องเองได้ ดังนั้นจึงต้องตั้งคณะทำงานร่วมและเตรียมส่งฟ้องในที่สุด แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าคดีเกี่ยวกับการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซีเอสเสท ที่อัยการสูงสุดฝ่ายคดีพิเศษ ส่งเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษกลับไป ทำข้อมูลเพิ่มเติม ที่อ้างว่ายังเหลือข้อมูลจากต่างประเทศนั้น ดีเอสไอไม่วาสามารถฟ้องรองเองได้ หากอัยการสังไม่ฟ้องทุกอย่างก็จบ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าข้อมูลที่ตนได้ยื่นให้อีเอสไอ ไปก่อนหน้านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องรอข้อมูลจากต่างประเทศก็ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น