xs
xsm
sm
md
lg

กรุงไทยโชว์ยอดเงินฝากทะลุเป้า ดบ.6%หนุน-ยันไม่กระทบต้นทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์กรุงไทยโชว์ยอดเงินฝากปีนี้เกินเป้าแล้วจากแคมเปญดอกเบี้ย 6% ยันไม่กระทบต้นทุนเพราะยังสามารถปล่อยกู้และนำไปลงทุนในรูปแบบอื่นได้ มั่นใจไม่มีการโยกย้ายเงินฝากรุนแรงหลังประกาศใช้พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก เหตุยังให้ความคุ้มครองเต็มวงเงินในปีแรก ระบุผลดีช่วยพัฒนารูปแบบของการฝากเงินและผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากขึ้น ด้านสคิบชี้แบงก์ขนาดกลาง-เล็กต้องมีการปรับตัวให้แข็งแกร่งขึ้นหลังประกาศใช้ พ.ร.บ.

นายสหัส ตรีทิพยบุตร รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า การระดมเงินฝากของธนาคารในปีนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 70,000 ล้านบาท แต่ในขณะนี้ธนาคารสามารถระดมเงินฝากได้ประมาณ 100,000 ล้านบาทแล้ว ทำให้ในช่วงที่เหลือของปีจึงไม่มีความจำเป็นต้องระดมเงินฝากเพิ่ม โดยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นจนเกินกว่าเป้าหมายนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากสู้เงินเฟ้อ ซึ่งเป็นเงินฝากประจำ 3 เดือนให้อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี เปิดรับฝากที่ "มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย'" และมียอดเงินฝากเข้ามาถึง 26,400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากเงินฝากดังกล่าวครบกำหนดธนาคารจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่นเพื่อมารองรับฐานลูกค้าดังกล่าวต่อไป

"ยอดเงินฝากที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของแบงก์เนื่องจากเป็นธรรมชาติที่เมื่อมีเงินเข้ามาแบงก์ก็จะเอาไปปล่อยสินเชื่อหรือลงทุนในวิธีอื่น"

นายสหัส กล่าวว่า ในส่วนของการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของธนาคารนั้นยังมีแนวโน้มดี โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการปล่อยสินเชื่อบุคคลของธนาคารทะลุเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ปล่อยสินเชื่อได้แล้ว 13,800 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยตั้งเป้าทั้งปี 20,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ไปแล้ว 13,500 ล้านบาท และปัจจุบันฐานสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 147,000 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มของการปล่อยสินเชื่อรายย่อยในครึ่งปีหลังนั้น มองว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของที่อื่นอาจจะมีการชะลอตัวลง แต่ส่วนของธนาคารจะยังเติบโตไปได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดโครงการ 3 ประสานขึ้น และมีการปล่อยสินเชื่อโครงการค่อนข้างมาก ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากโครงการมาขอใช้สินเชื่อกับธนาคารเพิ่มขึ้น

ส่วนการประกาศใช้พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการโยกย้ายเงินฝากรุนแรงนักและการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ คงไม่รุนแรง เนื่องจากในปีแรกการคุ้มครองยังคงเต็มจำนวนและลดหลั่นลงมาจนถึงปีที่ 5 จึงจะมีความคุ้มครองอยู่ที่ 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลดีของการ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก คือ จะช่วยให้ผู้ฝากเงินมีการพัฒนารูปแบบของการฝากเงิน และศึกษาหาช่องทางการลงทุนมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูง เช่น การลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตร เป็นต้น ส่วนของธนาคารก็คงจะมีการพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์มากขึ้น

**สคิบไม่ห่วงสภาพคล่องฝืด**

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า จากกรณีที่พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ ประเมินว่าจะส่งผลให้แต่ละธนาคารสร้างความแข็งแกร่งเพื่อความอยู่รอด โดยธนาคารขนาดเล็กและธนาคารขนาดกลางอาจต้องหาพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ และความเชื่อมั่นของลูกค้า

อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะเน้นปรับตัวภายในก่อน อาทิ ปรับระบบความรู้และทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่มีแผนหาพันธมิตรใหม่ โดยเชื่อว่าหากระบบภายในดี ธุรกิจก็จะมีความแข็งแกร่งตามไปด้วย

"เมื่อประกาศใช้พ.ร.บ.แล้ว ไม่กังวลเรื่องสภาพคล่องของระบบแบงก์พาณิชย์จะหดหายและมีปัญหา เนื่องจากยังมีเงินในระบบจำนวนมาก และการลงทุนขนาดใหญ่ยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม"นายชัยวัฒน์กล่าว

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)นั้น ในสิ้นปีนี้ธนาคารตั้งเป้าลดลงเหลือ 5% จากปัจจุบันที่มีเอ็นพีแอลอยู่ที่ประมาณ 7% หรือ 260,000 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารจะดูแลกลุ่มธุรกิจที่มีปัญหาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางธนาคารจะช่วยเหลือเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือการผ่อนปรนในการชำระเงิน

ทั้งนี้ เอ็นพีแอลเริ่มมีสัญญาณกับบางธุรกิจที่มีปัญหา อาทิ กลุ่มขนส่ง โดยมีรายใหญ่ที่ประสบปัญหาและมีการพูดคุยจำนวนไม่ถึง 10 ราย

**ยัน"อัจฉรา"ออกไม่กระทบบลจ.**

ส่วนกรณีที่นางสาวอัจฉรา สุทธิศิริกุล อดีตกรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย ซึ่งเป็นบริษัทในการดูแลของธนาคาร ได้ลาออกไปนั้น นายชัยวัฒน์กล่าวว่า จะไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจทางด้านกองทุน เนื่องจากทีมงานที่เหลือยังคงอยู่ตามปกติ และอีกไม่นานก็จะ มีการแต่งตั้งกรรมการท่านใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนตามปกติ

"ลาออกไปเพียงท่านเดียว ทีมงานและกรรมการที่เหลืออีกหลายคนก็ยังอยู่ เร็วๆ นี้ก็คงจะมีการแต่งตั้งคนใหม่มาได้แล้ว ซึ่งระยะเวลาและการพิจารณาคงต้องปล่อยให้เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงดูแลไป และการลาออกนางสาวอัจฉราก็เป็นเพราะปัญหาสุขภาพ โดยไม่มีความขัดแย้งภายในใดๆ เกิดขึ้น"นายชัยวัฒน์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น