สศค.เปิดเผยฐานะการคลังมิถุนายน 51 เกินดุล 9.7 หมื่นล้านบาท ตามรอบการจ่ายภาษีประจำปีของนิติบุคคล พร้อมการนำส่งรายได้ชดเชยภาษีสรรพสามิตของกสท.-ทีโอที ฮึด 3 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณเร่งเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าขาดดุลงบประมาณที่ 1.6 แสนล้านบาท หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ 5.0-6.0%
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนมิถุนายน 2551 ว่า รัฐบาลเกินดุลเงินสดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 97,395 ล้านบาท จากที่ขาดดุลอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากรัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังสูงจากการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิของนิติบุคคลรอบสิ้นปีบัญชี 2550
ซึ่งส่งผลให้การขาดดุลเงินสดของรัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ลดลงจากสิ้นเดือนที่แล้ว โดยขาดดุลทั้งสิ้น 105,804 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าการขาดดุลในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 44.2% โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 70,216 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 35,588 ล้านบาท ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระดับ 5.0 – 6.0% ในปี 2551 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ฐานะการคลังเดือนมิถุนายน 2551 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 273,314 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 13,408 ล้านบาท หรือ 5.2% โดยนอกจากมีรายได้จากการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบสิ้นปีบัญชี 2550 และภาษีมูลค่าเพิ่มที่ขยายตัวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องแล้วการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจยังเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากได้รับรายได้ของค่าธรรมเนียมการให้บริการการสื่อสารเพื่อชดเชยภาษีสรรพสามิตที่ค้างชำระในปีก่อนของบริษัททีโอที และบริษัท กสท
ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 143,198 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 21,183 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.9% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของงบเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้น ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนมิถุนายน 2551 เกินดุล 130,116 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งขาดดุล 32,721 ล้านบาท เป็นผลจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิ 28,000 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดเกินดุลจำนวน 97,395 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้กู้เงินด้วยการออกพันธบัตรจำนวน 19,000 ล้านบาท เพื่อรักษาความต่อเนื่องของการพัฒนาตลาดตราสารหนี้
สำหรับฐานะการคลังในช่วง 9 เดือนแรกปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – มิถุนายน 2551) รายได้นำส่งคลัง รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,149,866 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 79,793 ล้านบาท หรือ 7.5% ซึ่งเป็นผลมาจากภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และอากรขาเข้า เป็นต้น
ขณะที่รายจ่ายรัฐบาล การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 1,220,082 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 65,338 ล้านบาท หรือ 5.7% โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 1,134,057 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6.5% คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 68.3% ของวงเงินงบประมาณ 1,660,000 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย
ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ผลจากการนำส่งรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชีปี 2550 ที่เหลื่อมรับจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณเพียง 70,216 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 35,588 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 105,804 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลชดเชยการขาดดุลดังกล่าวโดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 151,891 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2551 จะส่งผลให้การขาดดุลเงินงบประมาณทั้งปีใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 165,000 ล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนมิถุนายน 2551 ว่า รัฐบาลเกินดุลเงินสดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 97,395 ล้านบาท จากที่ขาดดุลอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากรัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังสูงจากการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิของนิติบุคคลรอบสิ้นปีบัญชี 2550
ซึ่งส่งผลให้การขาดดุลเงินสดของรัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ลดลงจากสิ้นเดือนที่แล้ว โดยขาดดุลทั้งสิ้น 105,804 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าการขาดดุลในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 44.2% โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 70,216 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 35,588 ล้านบาท ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระดับ 5.0 – 6.0% ในปี 2551 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ฐานะการคลังเดือนมิถุนายน 2551 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 273,314 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 13,408 ล้านบาท หรือ 5.2% โดยนอกจากมีรายได้จากการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบสิ้นปีบัญชี 2550 และภาษีมูลค่าเพิ่มที่ขยายตัวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องแล้วการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจยังเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากได้รับรายได้ของค่าธรรมเนียมการให้บริการการสื่อสารเพื่อชดเชยภาษีสรรพสามิตที่ค้างชำระในปีก่อนของบริษัททีโอที และบริษัท กสท
ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 143,198 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 21,183 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.9% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของงบเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้น ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนมิถุนายน 2551 เกินดุล 130,116 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งขาดดุล 32,721 ล้านบาท เป็นผลจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิ 28,000 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดเกินดุลจำนวน 97,395 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้กู้เงินด้วยการออกพันธบัตรจำนวน 19,000 ล้านบาท เพื่อรักษาความต่อเนื่องของการพัฒนาตลาดตราสารหนี้
สำหรับฐานะการคลังในช่วง 9 เดือนแรกปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – มิถุนายน 2551) รายได้นำส่งคลัง รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,149,866 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 79,793 ล้านบาท หรือ 7.5% ซึ่งเป็นผลมาจากภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และอากรขาเข้า เป็นต้น
ขณะที่รายจ่ายรัฐบาล การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 1,220,082 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 65,338 ล้านบาท หรือ 5.7% โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 1,134,057 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6.5% คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 68.3% ของวงเงินงบประมาณ 1,660,000 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย
ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ผลจากการนำส่งรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชีปี 2550 ที่เหลื่อมรับจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณเพียง 70,216 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 35,588 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 105,804 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลชดเชยการขาดดุลดังกล่าวโดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 151,891 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2551 จะส่งผลให้การขาดดุลเงินงบประมาณทั้งปีใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 165,000 ล้านบาท