ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรแบงก์ทหารไทยเป็น A+ จาก A ระบุมีความแข็งแกร่งมากขึ้นหลังการเข้าถือหุ้นของพันธมิตร ING Bank รวมถึงการปรับโครงสร้างการบริหารที่ได้มีการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงเสร็จสิ้น แต่ยังคงต้องจับตาเอ็นพีแอลที่ยังอยู่ในระดับสูงและการขยายตัวของสินเชื่อที่อาจลดลงในปีนี้ จากการเน้นการปรับพอร์ตเพื่อพัฒนาคุณภาพของสินเชื่อ
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็น “A+” จาก “A” และปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน (TMB153A) ของธนาคารเป็น “A” จาก “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงประโยชน์ในอนาคตที่จะได้จากพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ของธนาคารคือ ING Bank N.V. (ING Bank) โดยผู้บริหารของ ING Bank มีอำนาจในการบริหารธนาคารและกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างเต็มที่ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมสถานภาพทางการเงินและการดำเนินงานของธนาคารให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารยังจะได้รับประโยชน์จากความชำนาญของ ING Bank ในด้านระบบบริหารความเสี่ยง รวมทั้งธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อย การประกันภัย และบริการด้านบริหารสินทรัพย์ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตของธนาคารในอนาคต อีกทั้งการที่ธนาคารมีปัญหาหนี้เสียสูงซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่ออันดับเครดิตของธนาคารนั้นก็คาดว่าจะสามารถแก้ไขได้ในเวลาอันสมควรด้วยการขายหนี้เสียเหล่านั้น และล่าสุดธนาคารได้มีการเพิ่มทุนจำนวน 37.62 พันล้านบาทในเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งทำให้ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่ธนาคารยังมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับค่อนข้างสูง ณ ปัจจุบัน ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งอาจจำกัดการขยายตัวทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของธนาคาร
สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ ตลอดจนฐานะทางการเงิน และสภาพคล่องให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะปานกลางนอกจากนี้ การมี ING Bank เป็นพันธมิตรน่าจะเอื้อประโยชน์ให้ธนาคารสามารถเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งมีรายได้ที่แน่นอนในอนาคต อย่างไรก็ตาม การบรรลุผลสำเร็จในการส่งเสริมศักยภาพซึ่งกันและกันของกลุ่มธนาคารทหารไทยและความกลมกลืนในกระบวนการทำงานในทุกระดับของธนาคารยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ผู้บริหารในตำแหน่งที่สำคัญของธนาคารซึ่งได้แก่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความเสี่ยง (CRO) และประธานกลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ (Head of Retail Banking)ได้รับการแต่งตั้งโดย ING Bank ส่วนกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ได้รับการแต่งตั้งโดยความเห็นชอบร่วมกันของกระทรวงการคลัง และ ING Bank รวมถึงการที่ธนาคารทหารไทยมีสาขาที่กว้างขวางและมีตราสัญลักษณ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมทั้งนโยบายที่จะได้ประโยชน์จากความชำนาญของ ING Bank ในธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อย การประกันภัย และการบริหารสินทรัพย์จะผลักดันให้ธนาคารสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อยและเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่การพัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงและการปรับพอร์ตสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพสินเชื่อเป็นภารกิจในลำดับต้นๆ ของธนาคารซึ่งในที่สุดอาจส่งผลให้สินเชื่อของธนาคารปรับลดลงในปี 2551
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็น “A+” จาก “A” และปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน (TMB153A) ของธนาคารเป็น “A” จาก “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงประโยชน์ในอนาคตที่จะได้จากพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ของธนาคารคือ ING Bank N.V. (ING Bank) โดยผู้บริหารของ ING Bank มีอำนาจในการบริหารธนาคารและกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างเต็มที่ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมสถานภาพทางการเงินและการดำเนินงานของธนาคารให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารยังจะได้รับประโยชน์จากความชำนาญของ ING Bank ในด้านระบบบริหารความเสี่ยง รวมทั้งธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อย การประกันภัย และบริการด้านบริหารสินทรัพย์ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตของธนาคารในอนาคต อีกทั้งการที่ธนาคารมีปัญหาหนี้เสียสูงซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่ออันดับเครดิตของธนาคารนั้นก็คาดว่าจะสามารถแก้ไขได้ในเวลาอันสมควรด้วยการขายหนี้เสียเหล่านั้น และล่าสุดธนาคารได้มีการเพิ่มทุนจำนวน 37.62 พันล้านบาทในเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งทำให้ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่ธนาคารยังมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับค่อนข้างสูง ณ ปัจจุบัน ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งอาจจำกัดการขยายตัวทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของธนาคาร
สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ ตลอดจนฐานะทางการเงิน และสภาพคล่องให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะปานกลางนอกจากนี้ การมี ING Bank เป็นพันธมิตรน่าจะเอื้อประโยชน์ให้ธนาคารสามารถเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งมีรายได้ที่แน่นอนในอนาคต อย่างไรก็ตาม การบรรลุผลสำเร็จในการส่งเสริมศักยภาพซึ่งกันและกันของกลุ่มธนาคารทหารไทยและความกลมกลืนในกระบวนการทำงานในทุกระดับของธนาคารยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ผู้บริหารในตำแหน่งที่สำคัญของธนาคารซึ่งได้แก่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความเสี่ยง (CRO) และประธานกลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ (Head of Retail Banking)ได้รับการแต่งตั้งโดย ING Bank ส่วนกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ได้รับการแต่งตั้งโดยความเห็นชอบร่วมกันของกระทรวงการคลัง และ ING Bank รวมถึงการที่ธนาคารทหารไทยมีสาขาที่กว้างขวางและมีตราสัญลักษณ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมทั้งนโยบายที่จะได้ประโยชน์จากความชำนาญของ ING Bank ในธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อย การประกันภัย และการบริหารสินทรัพย์จะผลักดันให้ธนาคารสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อยและเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่การพัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงและการปรับพอร์ตสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพสินเชื่อเป็นภารกิจในลำดับต้นๆ ของธนาคารซึ่งในที่สุดอาจส่งผลให้สินเชื่อของธนาคารปรับลดลงในปี 2551