xs
xsm
sm
md
lg

ฟิทช์ปรับมุมมองเครดิต KK ยันกำไร-ฐานะยังแข็งแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิต"เกียรตินาคิน"เป็น"มีเสถียรภาพ" จากเดิมที่แนวโน้ม"เป็นลบ" และคงอันดับเครดิต"ทิสโก้-ไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง" ระบุแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและปัจจัยแวดล้อมจะไม่เอื้อต่อธุรกิจ แต่บริษัททั้ง 3 ยังรักษาระดับผลกำไรและคุณภาพของสินทรัพย์ไว้ได้ในระดับที่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องติดตามด้านราคาน้ำมันและราคาอาหารที่สูงขึ้นอาจกระทบต่อคุณภาพของสินทรัพย์ได้

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)จากเดิมที่แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ เป็นแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ "BBB+(tha)"และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นอยู่ที่ระดับ "F2(tha)"

ทั้งนี้ การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ KK สะท้อนถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นของคุณภาพของสินทรัพย์และความสามารถในการรักษาระดับผลกำไรท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินงานที่อ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม KK ยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องการตั้งหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมที่ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน เนื่องจาก KK มีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ประเภทใช้แล้วที่สูง นอกจากนี้การแข่งขันที่สูงขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นยังคงเป็นความเสี่ยงหลักของธนาคารในระยะเวลาปานกลาง

**คงอันดับเครดิต TISCO-SCBL**

นอกจากนี้ ยังคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ TISCO "A(tha)" แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ "F1(tha)" และ คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว SCBL ที่ "A(tha)" แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ "F1(tha)"

โดยอันดับเครดิตของ TISCO สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไร คุณภาพสินทรัพย์ และฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของธนาคาร รวมทั้งการบริหารจัดการที่ดี อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงแรงกดดัน ความเสียเปรียบทางด้านต้นทุนทางการเงินของ TISCO เมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ TISCO วางแผนที่จะปรับโครงสร้างการถือหุ้นเป็นรูปแบบบริษัทโฮลดิ้งโดยมีกำหนดให้เสร็จภายในสิ้นปี บริษัทโฮลดิ้งจะถูกจัดตั้งขึ้นและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่ TISCO จะโอนหุ้นในบริษัทย่อยไปที่บริษัทโฮลดิ้ง และจะเพิกถอนหุ้นของ TISCO จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดย TISCO จะยังคงดำเนินงานในส่วนของธุรกิจธนาคาร ในขณะที่การโอนหุ้นในธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจการบริการจัดการกองทุน ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 30% ของรายได้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ TISCO ผลการดำเนินงานของธนาคารในอนาคตน่าจะมีการแกว่งตัวน้อยลง รวมถึงระดับเงินกองทุนของธนาคารน่าจะปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่ SCBL ได้ประกาศแผนในการโอนธุรกิจการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับลูกค้าทั่วไป (retail) ในลูกหนี้รายใหม่ให้กับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’) โดย SCBL จะประกอบธุรกิจหลักโดยจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการเรียกเก็บหนี้สำหรับลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อที่ค้างชำระหนี้เกิน 60 วันของ SCB และสำหรับลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทเอง นอกจากนี้ SCBL จะยังคงประกอบธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับลูกค้าธุรกิจ (wholesale leasing) อันดับเครดิตของ SCBL มีพื้นฐานมาจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งในด้านการดำเนินงาน การเงิน และเงินทุนจาก SCB ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท

ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินงานจะอ่อนแอลงในปี 2550 รวมถึงความไม่แน่นอนในสภาพเศรษฐกิจในปี 2551 ผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รายใหญ่ดังกล่าวข้างต้นยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ แต่บริษัททั้ง 3 ดังกล่าวยังสามารถรักษาระดับผลกำไรและคุณภาพของสินทรัพย์ไว้ได้ โดยถึงแม้ระดับเงินกองทุนจะลดลง แต่ยังจัดว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของบริษัททั้ง 3 ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามผลกระทบทางเศรษฐกิจจากราคาน้ำมันและราคาอาหารที่สูงขึ้นอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพของสินทรัพย์ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น