"ประสาร"ยันยังคงเป้าสินเชื่อโตที่ระดับ 10-15% แม้ทิศทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวและภาวะการเมืองยังไม่นิ่ง ระบุช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายังขยายตัวได้ดี ขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นไม่น่าส่งผลกระทบจากภาคธุรกิจมีการใช้เงินลงทุนต่อเนื่องโดยเฉพาะในในภาคส่งออก-นำเข้า ด้าน"เกียรตินาคิน"จับตายอดขายรถหดกระทบเช่าซื้อครึ่งปีหลัง
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยถึงการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในปีนี้ว่า ยังคงเป้ายอดปล่อยสินเชื่อขยายตัวที่ระดับ 10-15% จากปีก่อน ทั้งนี้ มองว่ายอดปล่อยสินเชื่อยังคงมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัว ดังจะเห็นได้จากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดปล่อยสินเชื่อของธนาคารทั้งระบบขยายตัวมากกว่า 5% ไม่ได้ชะลอตามภาวะเศรษฐกิจแต่อย่างใด รวมทั้งจะพยายามรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ให้ต่ำกว่าระดับ 4 %เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วย
"ในครึ่งปีแรกนั้น สินเชื่อแบงก์ทั้งระบบโตมากกว่า 5% โดยธุรกิจต่างๆ ก็ยังคงโตได้อยู่ ทำให้มีการขอสินเชื่อเพื่อนำเงินไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน โดยธุรกิจที่มีการใช้เงินสูงก็จะเป็นธุรกิจส่งออกและนำเข้า ส่วนครึ่งปีหลังภาพรวมของการปล่อยสินเชื่ออาจจะชะลอลงบ้าง เพราะกังวลเกี่ยวกับการเมืองแต่ยอดปล่อยสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยยังคงเป็นเป้าหมายเดิมคือโต 10-15% และน่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้"นายประสาร กล่าว
ทั้งนี้ หากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ตามที่ได้คาดการณ์กันไว้ ก็จะคงไม่กระทบยอดปล่อยสินเชื่อของธนาคาร เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงมีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและยอดสินเชื่อยังคงขยายตัวในทิศทางที่ดี
พร้อมกันนั้นได้ประเมินว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัว 4.5-5% ซึ่งก็ชะลอตัวลงบ้างในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก ประกอบการกับการลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวไม่มากนัก รวมทั้งปัจจัยทางการเมืองของประเทศที่ยังไม่นิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปอีก ซึ่งธนาคารเองก็มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา NPL ตามมา
ส่วนที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น นายประสารกล่าวว่า หากรัฐบาลมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ใหม่ และได้คนดีมีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจเชื่อว่าคงจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมาได้ นอกจากนี้ ยังจะช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าด้วย
"ผมไม่ขอออกความเห็นว่าขณะนี้การเมืองอยู่ในสูญญากาศหรือเปล่า แต่หากมีการปรับครม.แล้วได้คนดีเข้ามาร่วมบริหารประเทศ ในส่วนของตำแหน่งที่ว่างลง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วย"ประสารกล่าว
**เกียรตินาคินมั่นใจQ2ยังขยายตัวดี**
ด้านนายชลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของธนาคารนั้น น่าจะยังคงเติบโตได้ดี โดยตัวเลยของเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ออกมาไม่ได้ต่ำกว่าในช่วงไตรมาส 1 แต่ยังเหลือของเดือนมิถุนายนที่ต้องรอข้อมูล จึงยังไม่สามารถประมาณการผลการดำเนินงานที่ชัดเจนได้ ซึ่งหากตัวเลขในเดือนมิถุนายนออกมาไม่ดี ก็อาจจะทำให้ยอดไตรมาส 2 ลดลงกว่าไตรมาส 1 เล็กน้อย แต่เท่าที่มีข้อมูลอยู่ตอนนี้ไตรมาสที่ 2 ก็ยังเติบโตได้ดี โดยไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมาสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารก็เติบโตอยู่ที่ 14-15%
"ช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา ถือว่าสินเชื่อเติบโตได้ดี ส่วนเดือน 6 ยังไม่เห็น แต่จากยอดขายรถยนต์ใหม่เริ่มลดลงจึงมองว่าในครึ่งปีหลังอัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะโตน้อยกว่าครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตามธนาคารจะมีการทบทวนเป้าหมายการดำเนินงานและแผนธุรกิจในเร็วๆนี้ แต่ในเบื้องต้นยังตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 30%" นายชลิตกล่าว
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยถึงการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในปีนี้ว่า ยังคงเป้ายอดปล่อยสินเชื่อขยายตัวที่ระดับ 10-15% จากปีก่อน ทั้งนี้ มองว่ายอดปล่อยสินเชื่อยังคงมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัว ดังจะเห็นได้จากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดปล่อยสินเชื่อของธนาคารทั้งระบบขยายตัวมากกว่า 5% ไม่ได้ชะลอตามภาวะเศรษฐกิจแต่อย่างใด รวมทั้งจะพยายามรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ให้ต่ำกว่าระดับ 4 %เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วย
"ในครึ่งปีแรกนั้น สินเชื่อแบงก์ทั้งระบบโตมากกว่า 5% โดยธุรกิจต่างๆ ก็ยังคงโตได้อยู่ ทำให้มีการขอสินเชื่อเพื่อนำเงินไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน โดยธุรกิจที่มีการใช้เงินสูงก็จะเป็นธุรกิจส่งออกและนำเข้า ส่วนครึ่งปีหลังภาพรวมของการปล่อยสินเชื่ออาจจะชะลอลงบ้าง เพราะกังวลเกี่ยวกับการเมืองแต่ยอดปล่อยสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยยังคงเป็นเป้าหมายเดิมคือโต 10-15% และน่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้"นายประสาร กล่าว
ทั้งนี้ หากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ตามที่ได้คาดการณ์กันไว้ ก็จะคงไม่กระทบยอดปล่อยสินเชื่อของธนาคาร เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงมีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและยอดสินเชื่อยังคงขยายตัวในทิศทางที่ดี
พร้อมกันนั้นได้ประเมินว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัว 4.5-5% ซึ่งก็ชะลอตัวลงบ้างในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก ประกอบการกับการลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวไม่มากนัก รวมทั้งปัจจัยทางการเมืองของประเทศที่ยังไม่นิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปอีก ซึ่งธนาคารเองก็มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา NPL ตามมา
ส่วนที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น นายประสารกล่าวว่า หากรัฐบาลมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ใหม่ และได้คนดีมีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจเชื่อว่าคงจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมาได้ นอกจากนี้ ยังจะช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าด้วย
"ผมไม่ขอออกความเห็นว่าขณะนี้การเมืองอยู่ในสูญญากาศหรือเปล่า แต่หากมีการปรับครม.แล้วได้คนดีเข้ามาร่วมบริหารประเทศ ในส่วนของตำแหน่งที่ว่างลง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วย"ประสารกล่าว
**เกียรตินาคินมั่นใจQ2ยังขยายตัวดี**
ด้านนายชลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของธนาคารนั้น น่าจะยังคงเติบโตได้ดี โดยตัวเลยของเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ออกมาไม่ได้ต่ำกว่าในช่วงไตรมาส 1 แต่ยังเหลือของเดือนมิถุนายนที่ต้องรอข้อมูล จึงยังไม่สามารถประมาณการผลการดำเนินงานที่ชัดเจนได้ ซึ่งหากตัวเลขในเดือนมิถุนายนออกมาไม่ดี ก็อาจจะทำให้ยอดไตรมาส 2 ลดลงกว่าไตรมาส 1 เล็กน้อย แต่เท่าที่มีข้อมูลอยู่ตอนนี้ไตรมาสที่ 2 ก็ยังเติบโตได้ดี โดยไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมาสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารก็เติบโตอยู่ที่ 14-15%
"ช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา ถือว่าสินเชื่อเติบโตได้ดี ส่วนเดือน 6 ยังไม่เห็น แต่จากยอดขายรถยนต์ใหม่เริ่มลดลงจึงมองว่าในครึ่งปีหลังอัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะโตน้อยกว่าครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตามธนาคารจะมีการทบทวนเป้าหมายการดำเนินงานและแผนธุรกิจในเร็วๆนี้ แต่ในเบื้องต้นยังตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 30%" นายชลิตกล่าว