แบงก์สินเอเชียเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ACL B/E Convertible ชูจุดเด่นที่สามารถเปลี่ยนตั๋วแลกเงินเป็นเงินฝากประจำได้เมื่อต้องการเป็นรายแรก พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยแบบตั๋วแลกเงินที่สูงกว่าเงินฝากประจำทั่วไป เชื่อโดนใจลูกค้าเงินฝาก ตั้งเป้าระดมเงินประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท จากยอดเงินฝากทั้งปีที่ตั้งไว้ 6 หมื่นล้าน
นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ ACL Bank เปิดเผยว่า สินเอเชียได้เปิดตัวตั๋วแลกเงินรูปแบบใหม่ "ACL B/E Convertible" ซึ่งเป็นตั๋วแลกเงินพิเศษอายุ 3-12 เดือน ที่มีจุดเด่น คือ สามารถแปลงสภาพตั๋วแลกเงิน ACL B/E Convertible เป็นบัญชีเงินฝากประจำได้ทุกเมื่อด้วยวงเงินจำนวนเดียวกัน โดยไม่ถูกปรับลดดอกเบี้ยในกรณีตั๋วไม่ครบกำหนด โดยวงเงินฝากขึ้นต่ำอยู่ที่ 500,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากประจำทั่วไป คืออยู่ที่ 3.30 – 3.75% ต่อปี รวมถึงยังสามารถนำไปเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับธนาคารได้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เงินฝาก ACL B/E Convertible จึงเหมาะกับทั้งลูกค้าบุคคลธรรมดา นิติบุคคล รัฐวิสาหกิจ และกองทุน ที่ต้องการความสะดวกสบายในการลงทุน ได้รับผลตอบแทนสูง และมีความมั่นใจในขณะเดียวกัน
ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะมีผู้ที่เป็นลูกค้าเงินฝากของธนาคารใช้บริการตั๋วแลกเงินดังกล่าวประมาณ 50% และตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้สนใจใช้บริการดังกล่าวในปีนี้ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้ฐานเงินฝากของธนาคารจะอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 48,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในการขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยของธนาคารซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 10-15% และจะเพิ่มเป็น 20-30% ภายในสิ้นปี 2552
"เมื่อผู้ฝากเงินประเภทตั๋วแลกเงิน ACL B/E Convertible ถือตั๋วแลกเงินไประยะหนึ่งแล้ว มีความต้องการจะแปลงสภาพเงินฝากเป็นแบบเงินฝากประจำ ก็สามารถทำได้ทันที โดยลูกค้าจะยังคงได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้หน้าตั๋วสำหรับช่วงระยะเวลาถือตั๋วที่ผ่านมา ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์ตัวนี้ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการออกพ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก โดยเริ่มต้นลูกค้าฝากเป็นตั๋วแลกเงินซึ่งจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่าฝากประจำ แต่หากต้องการที่จะให้เงินได้รับความคุ้มครองก็สามารถจะเปลี่ยนเป็นเงินฝากประจำได้"
นายอภิชาติ กล่าวว่า ACL B/E Convertible เป็นผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ที่ยังไม่มีสถาบันการเงินใดเคยให้บริการมาก่อน ซึ่งถือได้ว่าธนาคารสินเอเซียเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาเงินฝากในรูปแบบนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการสร้างสรรผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้เป็นทางเลือกที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีความมุ่งมั่นที่จะคิดค้นผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ออมเงิน โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ธนาคารจะยังนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับสภาวะตลาด และความต้องการของผู้ออมเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าจะตรงใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแน่นอน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากตั๋วแลกเงิน ACL B/E Convertible ใหม่ ที่เพิ่มระยะเวลาฝากเป็น 24 เดือน ซึ่งดอกเบี้ยจะยิ่งสูงขึ้นตามระยะเวลาการฝาก นอกจากนี้ ยังมีเงินฝากตั๋วแลกเงินที่จ่ายดอกเบี้ยเป็นรายงวดซึ่งมอบอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในแต่ละงวด มีบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการจัดการเงินตราต่างประเทศ และลดความเสี่ยงภายใต้ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า การแข่งขันของธนาคารพาณิชย์นั้นมีความเข้มข้นขึ้น และจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ธนาคารต่าง ๆ ต้องเร่งระดมเงินฝากระยะยาวมากขึ้น สำหรับสภาพคล่องในตลาดยังมีอยู่พอสมควร แต่ธนาคารยังคงต้องระดมเงินฝากเพื่อบริหารสินทรัพย์ของธนาคาร ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนั้นก็เป็นสิ่งที่ธนาคารได้มีการบริการอยู่ตลอดเวลา โดยจะเห็นได้จากธนาคารทุกแห่งในปีนี้ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นไป เพื่อรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสม แต่การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากนั้นจะมีผลที่ไม่เท่ากัน คือ เงินกู้จะมีผลทันที แต่เงินฝากนั้นจะมีผลก็ต่อเมื่อเงินฝากมีการครบกำหนด
นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ ACL Bank เปิดเผยว่า สินเอเชียได้เปิดตัวตั๋วแลกเงินรูปแบบใหม่ "ACL B/E Convertible" ซึ่งเป็นตั๋วแลกเงินพิเศษอายุ 3-12 เดือน ที่มีจุดเด่น คือ สามารถแปลงสภาพตั๋วแลกเงิน ACL B/E Convertible เป็นบัญชีเงินฝากประจำได้ทุกเมื่อด้วยวงเงินจำนวนเดียวกัน โดยไม่ถูกปรับลดดอกเบี้ยในกรณีตั๋วไม่ครบกำหนด โดยวงเงินฝากขึ้นต่ำอยู่ที่ 500,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากประจำทั่วไป คืออยู่ที่ 3.30 – 3.75% ต่อปี รวมถึงยังสามารถนำไปเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับธนาคารได้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เงินฝาก ACL B/E Convertible จึงเหมาะกับทั้งลูกค้าบุคคลธรรมดา นิติบุคคล รัฐวิสาหกิจ และกองทุน ที่ต้องการความสะดวกสบายในการลงทุน ได้รับผลตอบแทนสูง และมีความมั่นใจในขณะเดียวกัน
ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะมีผู้ที่เป็นลูกค้าเงินฝากของธนาคารใช้บริการตั๋วแลกเงินดังกล่าวประมาณ 50% และตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้สนใจใช้บริการดังกล่าวในปีนี้ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้ฐานเงินฝากของธนาคารจะอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 48,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในการขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยของธนาคารซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 10-15% และจะเพิ่มเป็น 20-30% ภายในสิ้นปี 2552
"เมื่อผู้ฝากเงินประเภทตั๋วแลกเงิน ACL B/E Convertible ถือตั๋วแลกเงินไประยะหนึ่งแล้ว มีความต้องการจะแปลงสภาพเงินฝากเป็นแบบเงินฝากประจำ ก็สามารถทำได้ทันที โดยลูกค้าจะยังคงได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้หน้าตั๋วสำหรับช่วงระยะเวลาถือตั๋วที่ผ่านมา ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์ตัวนี้ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการออกพ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก โดยเริ่มต้นลูกค้าฝากเป็นตั๋วแลกเงินซึ่งจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่าฝากประจำ แต่หากต้องการที่จะให้เงินได้รับความคุ้มครองก็สามารถจะเปลี่ยนเป็นเงินฝากประจำได้"
นายอภิชาติ กล่าวว่า ACL B/E Convertible เป็นผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ที่ยังไม่มีสถาบันการเงินใดเคยให้บริการมาก่อน ซึ่งถือได้ว่าธนาคารสินเอเซียเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาเงินฝากในรูปแบบนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการสร้างสรรผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้เป็นทางเลือกที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีความมุ่งมั่นที่จะคิดค้นผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ออมเงิน โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ธนาคารจะยังนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับสภาวะตลาด และความต้องการของผู้ออมเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าจะตรงใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแน่นอน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากตั๋วแลกเงิน ACL B/E Convertible ใหม่ ที่เพิ่มระยะเวลาฝากเป็น 24 เดือน ซึ่งดอกเบี้ยจะยิ่งสูงขึ้นตามระยะเวลาการฝาก นอกจากนี้ ยังมีเงินฝากตั๋วแลกเงินที่จ่ายดอกเบี้ยเป็นรายงวดซึ่งมอบอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในแต่ละงวด มีบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการจัดการเงินตราต่างประเทศ และลดความเสี่ยงภายใต้ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า การแข่งขันของธนาคารพาณิชย์นั้นมีความเข้มข้นขึ้น และจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ธนาคารต่าง ๆ ต้องเร่งระดมเงินฝากระยะยาวมากขึ้น สำหรับสภาพคล่องในตลาดยังมีอยู่พอสมควร แต่ธนาคารยังคงต้องระดมเงินฝากเพื่อบริหารสินทรัพย์ของธนาคาร ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนั้นก็เป็นสิ่งที่ธนาคารได้มีการบริการอยู่ตลอดเวลา โดยจะเห็นได้จากธนาคารทุกแห่งในปีนี้ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นไป เพื่อรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสม แต่การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากนั้นจะมีผลที่ไม่เท่ากัน คือ เงินกู้จะมีผลทันที แต่เงินฝากนั้นจะมีผลก็ต่อเมื่อเงินฝากมีการครบกำหนด
