MQDC เล็งขายบ้าน Eco Village ลูกค้าที่ซื้อได้ขายพลังงานแห่งแรกในเมืองไทย เพียงลงทุนเพิ่ม 50% ของราคาบ้าน ยันคืนทุนภายใน 3 ปี ชี้ต่างประเทศทำเพียบ ประเดิมโครงการแรก 50 ยูนิต เปิดตัวในอีก 2-3 เดือนขางหน้า
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คนในตระกูลเจียรวนนท์ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวแบรนด์แม็กโนเลีย 3 โครงการ คอนโดฯแบรนด์ WHIZ.dom 2 โครงการ โดยแต่ละโครงการจะมีจุดขายที่แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาด โดยจะเน้นในเรื่องของคุณภาพในทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการประหยัดพลังงาน
สำหรับจุดขายจะอยู่ที่โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ Eco Village ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบและเป็นโครงการแรกในเมืองไทย ที่บ้านสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้อยู่อาศัย เน้นการออกแบบที่อยู่รวมกับสิ่งแวดล้อม ที่พัฒนาจากทีมวิจัยของบริษัท โดยจะเป็นการขายพลังงานให้แก่การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) รูปแบบดังกล่าวลูกบ้านจะต้องลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งในส่วนนี้จะมีมูลค่า 50 % ของราคาบ้าน (ไม่รวมราคาที่ดิน) อย่างไรก็ตาม จะต้องเป็นการลงทุนร่วมกันของผู้อยู่อาศัย จากการวิจัยแล้ว จำนวน 50 ยูนิตขึ้นไป จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ในเบื้องต้น ลูกค้าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปี
" ในต่างประเทศโครงการในลักษณะดังกล่าวมีจำนวนมาก แต่เราไม่ได้นำรูปแบบมาทั้งหมด ได้มาวิเคราะห์และปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย ลูกค้าต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆ และในอนาคตพลังงานจะมีราคาแพงขึ้น ความคุ้มค่าในการลงทุนลักษณะเช่นนี้จะมากขึ้น และทำให้คืนทุนได้เร็วขึ้น เช่น ซื้อบ้านราคา 5 ล้าน ตัวบ้าน 3 ล้าน ลูกค้าต้องลงทุนพลังงานเพิ่มอีก 1.5 ล้าน เป็นต้น"
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการดังกล่าว จะต้องตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีทิศทางลม น้ำ ความร้อนจากแสงแดดเพื่อที่จะนำมาใช้ในการผลิตพลังงาน ส่วนของเสียก็สามารถนำมาผลิตเป็นไบโอแก๊สใช่ในหมู่บ้านได้ ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า โครงการจะตั้งอยู่ในทำเลใด แต่คาดว่าจะเป็นชานเมืองของกรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งโครงการแรกที่บริษัทพัฒนาจะมีพื้นที่ 40-50 ไร่ จำนวน 50 ยูนิตขึ้นไป เป็นบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท มูลค่ารวม 300 ล้านบาท
นางสาวนิสา เอมมาโนญ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท แม็กโนเลียฯ เปิดเผยว่า กรณีที่ต้นทุนราคัสุดก่อสร้างปรับขึ้นสูงในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงได้คิดวิธีบริหารจัดการ ด้วยการเจรจากับซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้าง เพื่อสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าในราคาส่ง หรือถูกกว่าท้องตลาด อาทิ สั่งซื้อเหล็กล่วงหน้า 2 เดือนเป็นต้น อีกทั้ง การสั่งซื้อดังกล่าวยังช่วยให้ป้องกันสินค้าขาดตลาด
อย่างไรก็ตาม การสั่งซื้อวัสดุล่วงหน้าดังกล่าวได้จะต้องมีบริษัทก่อสร้างเป็นของตนเองจึงจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ รวมถึงคุณภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะหาผู้ร่วมทุน เข้ามาร่วมลงทุนในแต่ละโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีเจรจาอยู่ 3-4 ราย ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนรูปแบบการร่วมลงทุนนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาและจะเป็นการลงทุนเฉพาะแต่ละโครงการเท่านั้น ทั้งนี้การดำเนินการที่กล่าวมาจะทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 40-50% จากที่ในตลาดสามารถทำได้เพียง 30-35%
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คนในตระกูลเจียรวนนท์ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวแบรนด์แม็กโนเลีย 3 โครงการ คอนโดฯแบรนด์ WHIZ.dom 2 โครงการ โดยแต่ละโครงการจะมีจุดขายที่แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาด โดยจะเน้นในเรื่องของคุณภาพในทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการประหยัดพลังงาน
สำหรับจุดขายจะอยู่ที่โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ Eco Village ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบและเป็นโครงการแรกในเมืองไทย ที่บ้านสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้อยู่อาศัย เน้นการออกแบบที่อยู่รวมกับสิ่งแวดล้อม ที่พัฒนาจากทีมวิจัยของบริษัท โดยจะเป็นการขายพลังงานให้แก่การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) รูปแบบดังกล่าวลูกบ้านจะต้องลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งในส่วนนี้จะมีมูลค่า 50 % ของราคาบ้าน (ไม่รวมราคาที่ดิน) อย่างไรก็ตาม จะต้องเป็นการลงทุนร่วมกันของผู้อยู่อาศัย จากการวิจัยแล้ว จำนวน 50 ยูนิตขึ้นไป จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ในเบื้องต้น ลูกค้าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปี
" ในต่างประเทศโครงการในลักษณะดังกล่าวมีจำนวนมาก แต่เราไม่ได้นำรูปแบบมาทั้งหมด ได้มาวิเคราะห์และปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย ลูกค้าต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆ และในอนาคตพลังงานจะมีราคาแพงขึ้น ความคุ้มค่าในการลงทุนลักษณะเช่นนี้จะมากขึ้น และทำให้คืนทุนได้เร็วขึ้น เช่น ซื้อบ้านราคา 5 ล้าน ตัวบ้าน 3 ล้าน ลูกค้าต้องลงทุนพลังงานเพิ่มอีก 1.5 ล้าน เป็นต้น"
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการดังกล่าว จะต้องตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีทิศทางลม น้ำ ความร้อนจากแสงแดดเพื่อที่จะนำมาใช้ในการผลิตพลังงาน ส่วนของเสียก็สามารถนำมาผลิตเป็นไบโอแก๊สใช่ในหมู่บ้านได้ ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า โครงการจะตั้งอยู่ในทำเลใด แต่คาดว่าจะเป็นชานเมืองของกรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งโครงการแรกที่บริษัทพัฒนาจะมีพื้นที่ 40-50 ไร่ จำนวน 50 ยูนิตขึ้นไป เป็นบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท มูลค่ารวม 300 ล้านบาท
นางสาวนิสา เอมมาโนญ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท แม็กโนเลียฯ เปิดเผยว่า กรณีที่ต้นทุนราคัสุดก่อสร้างปรับขึ้นสูงในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงได้คิดวิธีบริหารจัดการ ด้วยการเจรจากับซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้าง เพื่อสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าในราคาส่ง หรือถูกกว่าท้องตลาด อาทิ สั่งซื้อเหล็กล่วงหน้า 2 เดือนเป็นต้น อีกทั้ง การสั่งซื้อดังกล่าวยังช่วยให้ป้องกันสินค้าขาดตลาด
อย่างไรก็ตาม การสั่งซื้อวัสดุล่วงหน้าดังกล่าวได้จะต้องมีบริษัทก่อสร้างเป็นของตนเองจึงจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ รวมถึงคุณภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะหาผู้ร่วมทุน เข้ามาร่วมลงทุนในแต่ละโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีเจรจาอยู่ 3-4 ราย ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนรูปแบบการร่วมลงทุนนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาและจะเป็นการลงทุนเฉพาะแต่ละโครงการเท่านั้น ทั้งนี้การดำเนินการที่กล่าวมาจะทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 40-50% จากที่ในตลาดสามารถทำได้เพียง 30-35%