“เอพี” ปรับราคาคอนโดฯ ใหม่หลังต้นทุนก่อสร้างพุ่งไม่หยุด จาก 16,000 บาท/ตร.ม. เป็น 23,000 บาท/ตร.ม. พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ “เดอะ ริทึ่ม” ราคา 82,000 บาท/ตร.ม. เล็งจับตลาดหรู 140,000 บาท/ตรม. คาดเปิดตัวเร็วๆนี้ ชี้ปี 51 เวทีผู้ประกอบการรายใหญ่
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอพี เปิดเผยถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 ว่า จะเป็นเวทีของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จะต่อสู้กันด้วย 4 ประการคือ 1.ทำอะไร, 2.ที่ไหน, 3.ราคาเท่าไหร่ และ4.การแข่งขันเป็นอย่างไร หากผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กสายป่านไม่ยาวพอหรือการเงินไม่มั่นคงมากพอ ก็ไม่สามารถอยู่ในตลาดได้ และแม้ว่าจะเป็นรายใหญ่ แต่หากวิเคราะห์สถานการณ์ผิดพลาดไปก็จะไม่สามารถแข่งขันได้ด้วยเช่นกัน
“ตลาดในปีนี้ไม่ได้แย่กว่าปีก่อน รายใหญ่จะมีผลประกอบการที่โตและมีกำไรที่ดี แต่ก็ยอมรับว่าการคาดเดาเป็นไปได้ยาก ขึ้นกับว่าใครจะทำอะไรพลาดหรือไม่ ถือว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนยากสำหรับผู้ประกอบ ปีนี้จะไม่มีสินค้าที่เป็นพระเอก อยู่ที่เซกเม้นท์ที่ผู้ประกอบการผลิตออกมามากกว่า มีการกระจายสินค้ามากขึ้น และต้องบริหารพอร์ตสินค้าให้มีความหลากหลาย เพื่อให้ครอบกลุ่มทุกกลุ่มเป้าหมาย อย่างกรณีของบริษัทก็ได้ปรับพอร์ตเช่นกัน โดยในปีนี้เน้นแนวราบคือบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มากกว่าคอนโดมิเนียม ซึ่งมีตามแผนพัฒนารวม 16 โครงการเป็นคอนโดเพียง 5 โครงการเท่านั้นที่เหลือเป็นแนวราบ”
สำหรับต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น บริษัทได้มีการปรับราคาคอนโดฯใหม่ โดยแบรนด์ไลฟ์ได้ปรับราคาเพิ่มจาก 60,000 กว่าบาทต่อตารางเมตรเป็น 70,000 กว่าบาทต่อตารางเมตร ขณะเดียวกันก็ได้มีการเปิดแบรนด์ใหม่ราคาขายตั้งแต่ 82,000 บาทต่อตารางเมตรภายใต้ชื่อ “เดอะ ริทึ่ม” นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม ราคาประมาณ 140,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ การปรับราคาและพอร์ตสินค้าดังกล่าวเพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นราคาดังกล่าว โดยการปรับรูปแบบสินค้าใหม่ หลังจากที่ราคาค่าก่อสร้างสูงขึ้นจากเดิม 16,000 บาทต่อตารางเมตร มาเป็นประมาณ 23,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะเดียวกันก็ได้มีการเปิดแบรนด์แนวราบคือ เซ็นโทร ราคาตั้งแต่ 3.5 ล้านบาทเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง
ส่วนยอดขายในปีนี้เติบโตเท่าปีก่อน โดย 6 เดือนมียอดขาย 4,500 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 15,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ครึ่งปีอยู่ที่ 4,200 ล้านบาทเป้าทั้งปีอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯแบรนด์ ไลฟ์ นั้นยังคงพัฒนายู่ แต่จะเน้นโครงการแนวต่อรถไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดใหม่เป็นหลัก
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอพี เปิดเผยถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 ว่า จะเป็นเวทีของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จะต่อสู้กันด้วย 4 ประการคือ 1.ทำอะไร, 2.ที่ไหน, 3.ราคาเท่าไหร่ และ4.การแข่งขันเป็นอย่างไร หากผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กสายป่านไม่ยาวพอหรือการเงินไม่มั่นคงมากพอ ก็ไม่สามารถอยู่ในตลาดได้ และแม้ว่าจะเป็นรายใหญ่ แต่หากวิเคราะห์สถานการณ์ผิดพลาดไปก็จะไม่สามารถแข่งขันได้ด้วยเช่นกัน
“ตลาดในปีนี้ไม่ได้แย่กว่าปีก่อน รายใหญ่จะมีผลประกอบการที่โตและมีกำไรที่ดี แต่ก็ยอมรับว่าการคาดเดาเป็นไปได้ยาก ขึ้นกับว่าใครจะทำอะไรพลาดหรือไม่ ถือว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนยากสำหรับผู้ประกอบ ปีนี้จะไม่มีสินค้าที่เป็นพระเอก อยู่ที่เซกเม้นท์ที่ผู้ประกอบการผลิตออกมามากกว่า มีการกระจายสินค้ามากขึ้น และต้องบริหารพอร์ตสินค้าให้มีความหลากหลาย เพื่อให้ครอบกลุ่มทุกกลุ่มเป้าหมาย อย่างกรณีของบริษัทก็ได้ปรับพอร์ตเช่นกัน โดยในปีนี้เน้นแนวราบคือบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มากกว่าคอนโดมิเนียม ซึ่งมีตามแผนพัฒนารวม 16 โครงการเป็นคอนโดเพียง 5 โครงการเท่านั้นที่เหลือเป็นแนวราบ”
สำหรับต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น บริษัทได้มีการปรับราคาคอนโดฯใหม่ โดยแบรนด์ไลฟ์ได้ปรับราคาเพิ่มจาก 60,000 กว่าบาทต่อตารางเมตรเป็น 70,000 กว่าบาทต่อตารางเมตร ขณะเดียวกันก็ได้มีการเปิดแบรนด์ใหม่ราคาขายตั้งแต่ 82,000 บาทต่อตารางเมตรภายใต้ชื่อ “เดอะ ริทึ่ม” นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม ราคาประมาณ 140,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ การปรับราคาและพอร์ตสินค้าดังกล่าวเพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นราคาดังกล่าว โดยการปรับรูปแบบสินค้าใหม่ หลังจากที่ราคาค่าก่อสร้างสูงขึ้นจากเดิม 16,000 บาทต่อตารางเมตร มาเป็นประมาณ 23,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะเดียวกันก็ได้มีการเปิดแบรนด์แนวราบคือ เซ็นโทร ราคาตั้งแต่ 3.5 ล้านบาทเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง
ส่วนยอดขายในปีนี้เติบโตเท่าปีก่อน โดย 6 เดือนมียอดขาย 4,500 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 15,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ครึ่งปีอยู่ที่ 4,200 ล้านบาทเป้าทั้งปีอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯแบรนด์ ไลฟ์ นั้นยังคงพัฒนายู่ แต่จะเน้นโครงการแนวต่อรถไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดใหม่เป็นหลัก
