เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา (Rating Watch Evolving) แก่อันดับเครดิตสนับสนุน (Support Rating) ของธนาคารไทยธนาคาร หรือ BT โดยรอความชัดเจนของการเพิ่มทุนในอนาคต และความเป็นไปได้ในการลดสัดส่วนการถือหุ้นภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินหรือ FIDF ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 42% ในขณะนี้ ฟิทช์ให้อันดับเครดิตแก่ BT เฉพาะอันดับเครดิตสนับสนุนเท่านั้น โดยธนาคารมีอันดับเครดิตสนับสนุนที่ระดับ 4
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2551 BT ได้ประกาศว่า FIDF ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นของธนาคารที่ FIDF มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 42% กับ CIMB ในราคาประมาณ 5.9 พันล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ยังคงขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากกระทรวงการคลัง และการรับชำระเงินจากการขายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้แก่บริษัทที่ถือหุ้นโดยภาครัฐสองแห่ง
ถ้าการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการคลัง และสำเร็จลุล่วงไปได้ ฟิทช์คาดว่าน่าจะสามารถคงอันดับเครดิตสนับสนุนที่ระดับ 4 ของ BT ได้ และอาจพิจารณาเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนหาก CIMB ถือหุ้นเกินกว่ากึ่งหนึ่งของธนาคารโดยการซื้อหุ้นเพิ่มเติมจากการทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือ (tender offer) หากการขายหุ้นให้กับ CIMB ไม่สามารถลุล่วงไปได้ อันดับเครดิตสนับสนุนน่าจะยังคงอยู่ภายใต้เครดิตพินิจภายใต้การพิจารณาโดยรอความชัดเจนจากทางภาครัฐในการเพิ่มทุนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร
ทั้งนี้ ฟิทช์เชื่อว่าการสนับสนุนจาก CIMB ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่น่าจะช่วยปรับปรุงเครือข่ายและการดำเนินงานของธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินและผลการดำเนินงานของธนาคารซึ่ง ณ ปัจจุบันอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2551 BT ได้ประกาศว่า FIDF ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นของธนาคารที่ FIDF มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 42% กับ CIMB ในราคาประมาณ 5.9 พันล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ยังคงขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากกระทรวงการคลัง และการรับชำระเงินจากการขายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้แก่บริษัทที่ถือหุ้นโดยภาครัฐสองแห่ง
ถ้าการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการคลัง และสำเร็จลุล่วงไปได้ ฟิทช์คาดว่าน่าจะสามารถคงอันดับเครดิตสนับสนุนที่ระดับ 4 ของ BT ได้ และอาจพิจารณาเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนหาก CIMB ถือหุ้นเกินกว่ากึ่งหนึ่งของธนาคารโดยการซื้อหุ้นเพิ่มเติมจากการทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือ (tender offer) หากการขายหุ้นให้กับ CIMB ไม่สามารถลุล่วงไปได้ อันดับเครดิตสนับสนุนน่าจะยังคงอยู่ภายใต้เครดิตพินิจภายใต้การพิจารณาโดยรอความชัดเจนจากทางภาครัฐในการเพิ่มทุนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร
ทั้งนี้ ฟิทช์เชื่อว่าการสนับสนุนจาก CIMB ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่น่าจะช่วยปรับปรุงเครือข่ายและการดำเนินงานของธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินและผลการดำเนินงานของธนาคารซึ่ง ณ ปัจจุบันอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ
