บอร์ด ตลท.อนุมัติแปรรูปตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทมหาชน เตรียมดันเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดฯ พร้อมทำ IPO กระจายให้นักลงทุนทั่วไป
วันนี้ (25 มิ.ย.) รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) แจ้งว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทอนุมัติการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งต้องรอให้สามารถสร้างกำไรได้ 3 ปีก่อนตามเกณฑ์ จึงจะกระจายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (IPO)
"วันนี้บอร์ดตลาดฯ มีมติให้ดำเนินการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ แต่ต้องมีขั้นตอนและรายละเอียดค่อนข้างเยอะกว่าจะขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป"
โดยเมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. และดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหารสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลท. ได้เปิดแถลงข่าวผลการประชุม บอร์ด ตลท. ณ ห้องประชุม 303 ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ.รัชดาภิเษก โดยระบุว่า ที่ประชุมบอร์ด วันนี้ ได้อนุมัติแผนการแปรรูปฯ และเตรียมความพร้อมก่อนเข้าจดทะเบียนในปี 2554 หรืออีกประมาณ 3 ปี พร้อมตั้งเป้ามาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 12 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า
นางภัทรียา กล่าวว่า ตลท.กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในปี 2554 หลังจากทางบริษัท บอสตัน คอนเซาท์ติ้ง กรุ๊ป (BCG) เสนอผลการศึกษาแผนการแปรรูป เนื่องจากขณะนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีทิศทางที่เปลี่ยนไป และการแแปรรูปยังมีส่วนพัฒนาสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวม
นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้มีการกำหนดแนวทางการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ใน 5 ปีข้้างหน้า (2552-2556) ได้มีการตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ชัดเจนใน 5 ปีข้างหน้า โดยกำหนดจะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอีก 2 เท่า เป็น 12 ล้านล้านบาท จาก 6 ล้านล้านบาท และตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ภายในปี 2556 เป็น 4 พันล้านบาท จาก 2 พันล้านบาท โดยร้อยละ 25 ต้องเป็นรายได้จากการออกสินค้าใหม่
รวมทั้ง การมีบริษัทจดทะเบียนจากต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ซึ่งจะมีการกำหนดแผนกลยุทธ์ เพื่อให้มีการดำเนินงานที่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้านโครงสร้างองค์กรนั้น บอร์ดตลท.อนุมัติให้มีการแยกงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่ กองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุน และ ส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเน้นการทำงานในแต่ละด้าน คือ การพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว และการดำเนินธุรกิจตลาดทุน
ทั้งนี้ กองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุนจะมีหน่วยงานที่ดูแลงานด้านการให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน และการพัฒนาความแข็งแกร่งให้ผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน งานด้านบรรษัทภิบาล และกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของตลาดทุนไทยที่มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนาตลาดทุนอย่างชัดเจน
ขณะที่ ตลท.จะต้องมีการจัดโครงสร้างที่ชัดเจน ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ และผู้ลงทุน ดูแลงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงดูแลงานหลังการซื้อขายทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ทั้ง 2 กลุ่มงาน จะได้รับการจัดสรรเงินจากเงินกองทุนของ ตลท.ให้เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาตลาดทุน
นางภัทรียา กล่าวอีกว่า ตลท.จะดำเนินการเพื่อปรับโครงสร้างขององค์กรให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2551 นี้เป็นต้นไป โดยโครงสร้างองค์กรใหม่จะมีผลตั้งแต่ต้นปี 2552 ในขณะเดียวกัน จะได้มีการจัดเตรียมแผนกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว 5 ปีข้างหน้า
ด้านการแก้ไขกฎหมาย คาดว่าจะสามารถนำเสนอแก้ไขได้ในปี 2552 โดยจะมีการนำรายละเอียดที่สำคัญ อาทิ โครงสร้างการถือหุ้น การกำกับดูแลหน่วยงานในตลาดทุนหลังการแปรสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น ไปหารือพร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้ง หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง รวมถึงเตรียมนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยต่อไป
**"ปกรณ์" ฟุ้ง 5 ปี มาร์เก็ตแคปโตได้ 2 เท่า
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลท. กล่าวกับสื่อมวลชน โดยยอมรับว่า บอร์ดของ ตลท.ได้เห็นชอบหลักการปรับโครงสร้างกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามแนวทางผลการศึกษาของ BCG ที่ปรึกษาในโครงการศึกษาการกำหนดรูปแบบและแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหลักของตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทย่อย ให้มีการแปรสภาพองค์กรหรือ Demutualization และเตรียมความพร้อม เพื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2554 พร้อมกับปรับโครงสร้างองค์กร และกำหนดแนวทางการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ใน 5 ปีข้างหน้า
บอร์ด ตลท.เห็นว่า แนวทางในการแปรสภาพองค์กร หรือ Demutualization จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม เนื่องจากจะมีการปรับเปลี่ยนองค์กรโดยมีการตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ชัดเจนในการดำเนินงาน รวมทั้ง ปรับเปลี่ยนการทำงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมทั้ง การสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้า ซึ่งได้แก่ บริษัทจดทะเบียน บริษัทสมาชิก และผู้ลงทุน โดยการทำให้กลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้รับประโยชน์จากตลาดทุนอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างแข็งแรง เนื่องจากมีการจัดสรรทรัพยากร และใช้เงินทุนอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดจากช่องทางการระดมทุนผ่านตลาดทุน
โดยในด้านของบริษัทจดทะเบียน เมื่อมีมูลค่าเพิ่ม ก็จะสามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็วและสะดวกมากขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ก่อให้เกิดการขยายงานและการสร้างรายได้ ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศขยายตัว
ส่วนในด้านของผู้ลงทุน เมื่อผู้ลงทุนเข้ามาลงทุนได้สะดวก คล่องตัว มีต้นทุนที่ต่ำลง และมั่นใจได้ว่าจะได้ลงทุนในหลักทรัพย์ และตราสารทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง ทำให้มีทางเลือกมากขึ้น เพื่อได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างเต็มที่ ก็จะสามารถเพิ่มค่าเงินออมของตนเอง สร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัว สามารถขยายไปถึงสังคมโดยรวม ซึ่งย่อมส่งผลไปยังความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจของประเทศเช่นเดียวกัน
ดังนั้น การแปรสภาพองค์กรในครั้งนี้ จึงเป็นตัวจักรสำคัญ ที่จะช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เห็นชอบให้มีการกำหนดแนวทางการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ใน 5 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในช่วงแรกจะเร่งสร้างความแข็งแกร่งของตลาดทุนภายในประเทศ โดยการเพิ่มความลึกของตลาด โดยการมีสินค้าที่มีคุณภาพ และหลากหลาย จากนั้น จะมุ่งไปสู่การหาพันธมิตร เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นในระดับภูมิภาค และระดับนานาประเทศในที่สุด
ทั้งนี้ ได้มีการตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ชัดเจนใน 5 ปีข้างหน้า โดยกำหนดจะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอีก 2 เท่า และตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ภายในปี 2556 โดยร้อยละ 25 ต้องเป็นรายได้จากการออกสินค้าใหม่ รวมทั้ง การมีบริษัทจดทะเบียนจากต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ซึ่งจะมีการกำหนดแผนกลยุทธ์ เพื่อให้มีการดำเนินงานที่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับด้านโครงสร้างองค์กรนั้น คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อนุมัติให้มีการแยกงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่ กองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุน และ ส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเน้นการทำงานในแต่ละด้าน คือการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว และการดำเนินธุรกิจตลาดทุน ทั้งนี้ กองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุน จะมีหน่วยงานที่ดูแลงานด้านการให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน และการพัฒนาความแข็งแกร่งให้ผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน งานด้านบรรษัทภิบาล และกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของตลาดทุนไทย ที่มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนาตลาดทุนอย่างชัดเจน
ขณะที่ ตลท.เอง ก็จะต้องมีการจัดโครงสร้างที่ชัดเจน ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ และผู้ลงทุน ดูแลงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงดูแลงานหลังการซื้อขายทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ทั้ง 2 กลุ่มงาน จะได้รับการจัดสรรเงินจากเงินกองทุนของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาตลาดทุน
ทั้งนี้ ตลท.จะดำเนินการเพื่อปรับโครงสร้างขององค์กรให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2551 นี้เป็นต้นไป โดยโครงสร้างองค์กรใหม่จะมีผลตั้งแต่ต้นปี 2552 ในขณะเดียวกัน จะได้มีการจัดเตรียมแผนกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว 5 ปีข้างหน้า
นายปกรณ์ กล่าวถึงด้านการแก้ไขกฎหมาย โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอแก้ไขได้ในปี 2552 โดยจะมีการนำรายละเอียดที่สำคัญ อาทิ โครงสร้างการถือหุ้น การกำกับดูแลหน่วยงานในตลาดทุนหลังการแปรสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น ไปหารือพร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้ง หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง รวมถึงเตรียมนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยต่อไป
**ตั้ง"วิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์" เป็นรอง ปธ.บอร์ด
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ สายงานกำกับองค์กรและส่งเสริมบรรษัทภิบาล ในฐานะเลขานุการบอร์ด ตลท. เปิดเผยถึงผลการประชุมในวันนี้ บอร์ดได้มีมติแต่งตั้งนายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ แทนนายกัมปนาท โลหเจริญวนิช ที่ครบวาระ ทั้งนี้ นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ ในฐานะรองประธานกรรมการได้ดำรงตำแหน่งอนุกรรมการบริหารและอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทนโดยตำแหน่งอีกทั้งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานอนุกรรมการวินัยอีกตำแหน่งด้วย
นายสุทธิชัย ระบุว่า การประชุมครั้งนี้ บอร์ด ตลท.ได้ต้อนรับกรรมการใหม่ 2 ท่าน คือ นายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมวิสามัญสมาชิกครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ให้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนนายกัมปนาท โลหเจริญวนิช และนางอัศวินี ไตลังคะ ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยกรรมการใหม่ทั้งสองท่านมีวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2551 ถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2553
นอกจากนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีมติแต่งตั้งนายสุเทพ พีตกานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งอนุกรรมการตรวจสอบ และกรรมการบริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และแต่งตั้งนายมนตรี ศรไพศาล ให้ดำรงตำแหน่งอนุกรรมการพิจารณาแนวทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และอนุกรรมการกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ รวมทั้งแต่งตั้งนายวิชัย พูลวรลักษณ์ เป็นอนุกรรมการกำหนดนโยบายพัฒนาที่ดิน อาคารและสถานที่ แทนตำแหน่งที่ว่างลงด้วย