บีทีเอสรอศาลสั่งถอนคำคัดค้านของเจ้าหนี้ หลังจากนั้นจะเร่งดำเนินการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูฯมั่นใจใช้เวลา 1เดือนเสร็จ ส่วนการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯขอดูสถานการณ์การเมืองก่อน หากปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองจบเร็ว ก็นำบริษัทฯเข้าตลาดฯได้ ต.ค.นี้
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(บีทีเอส) เปิดเผยความคืบหน้าการนำบริษัทฯเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ขณะนี้บริษัทฯรอศาลมีคำสั่งอนุมัติการถอนคำคัดค้านของ4เจ้าหนี้ 1,5,26 ,28 คาดว่าจะอนุมัติภายในเร็วๆนี้ หลังจากนั้นจะสามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูได้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการทำตามแผนฟื้นฟูเสร็จ จากนั้นก็จะขอออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ส่วนการจะนำบริษัทฯเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นจะต้องรอดูสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันก่อน หากปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองยุติลงในระยะเวลาอันสั้นเชื่อว่าจะสามารถนำบริษัทฯข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งยังเป็นจังหวะที่เหมาะสมในระดมทุนขายหุ้นไอพีโอ แต่ถ้าสถานการณ์การเมืองไทยยืดเยื้อออกไป ก็คงต้องรอจังหวะที่เหมาะสมก่อน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลสนใจจะเข้ามาซื้อหุ้นบีทีเอสนั้น นายคีรียืนยันว่า ในขณะนี้ยังไม่มีเข้ามาเจรจาแต่อย่างใด และหากมีการเข้ามาเจรจาทางบริษัทคงต้องดูเหตุผลที่รัฐบาลต้องการจะเข้ามาซื้อหุ้นว่ามีความเหมาะสมและถูกต้องหรือไม่ และยืนยันว่าบริษัทไม่เคยคิดที่จะขายหุ้นของบริษัทออกไป นอกจากนี้ บริษัทฯยังพร้อมที่จะทำส่วนต่อขยาย ถ้ารัฐบาลเปิดโอกาสให้บีทีเอสดำเนินการ
ทั้งนี้ บีทีเอสมีทุนจดทะเบียนรวม 16,400 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 1,215 ล้านบาท ซึ่งตามแผนปรับโครงสร้างหนี้บริษัทฯจะต้องหาเงินมาชำระคืนเจ้าหนี้เป็นวงเงิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐคืนให้กับเจ้าหนี้ 14 กลุ่ม และอีกส่วนมาจากการแปลงหนี้เป็นทุน โดยการจัดหาเงินนั้นจะมาจากการเพิ่มทุน โดยการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรร่วมทุนใหม่ และการกู้ยืมเงินบางส่วนหากไม่เพียงพอ
ก่อนหน้านี้ บริษัทฯเคยตั้งเป้าหมายที่จะนำบีทีเอสออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการและเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯให้ทันในปี 2550 แต่ก็ได้เลื่อนกำหนดมาตลอด เนื่องจากมีเจ้าหนี้ต่างชาติบางรายยื่นคัดค้านคำสั่งศาลล้มละลายกลางที่มีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2550 จนล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ยื่นขอถอนคำคัดค้านไป
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(บีทีเอส) เปิดเผยความคืบหน้าการนำบริษัทฯเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ขณะนี้บริษัทฯรอศาลมีคำสั่งอนุมัติการถอนคำคัดค้านของ4เจ้าหนี้ 1,5,26 ,28 คาดว่าจะอนุมัติภายในเร็วๆนี้ หลังจากนั้นจะสามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูได้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการทำตามแผนฟื้นฟูเสร็จ จากนั้นก็จะขอออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ส่วนการจะนำบริษัทฯเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นจะต้องรอดูสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันก่อน หากปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองยุติลงในระยะเวลาอันสั้นเชื่อว่าจะสามารถนำบริษัทฯข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งยังเป็นจังหวะที่เหมาะสมในระดมทุนขายหุ้นไอพีโอ แต่ถ้าสถานการณ์การเมืองไทยยืดเยื้อออกไป ก็คงต้องรอจังหวะที่เหมาะสมก่อน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลสนใจจะเข้ามาซื้อหุ้นบีทีเอสนั้น นายคีรียืนยันว่า ในขณะนี้ยังไม่มีเข้ามาเจรจาแต่อย่างใด และหากมีการเข้ามาเจรจาทางบริษัทคงต้องดูเหตุผลที่รัฐบาลต้องการจะเข้ามาซื้อหุ้นว่ามีความเหมาะสมและถูกต้องหรือไม่ และยืนยันว่าบริษัทไม่เคยคิดที่จะขายหุ้นของบริษัทออกไป นอกจากนี้ บริษัทฯยังพร้อมที่จะทำส่วนต่อขยาย ถ้ารัฐบาลเปิดโอกาสให้บีทีเอสดำเนินการ
ทั้งนี้ บีทีเอสมีทุนจดทะเบียนรวม 16,400 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 1,215 ล้านบาท ซึ่งตามแผนปรับโครงสร้างหนี้บริษัทฯจะต้องหาเงินมาชำระคืนเจ้าหนี้เป็นวงเงิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐคืนให้กับเจ้าหนี้ 14 กลุ่ม และอีกส่วนมาจากการแปลงหนี้เป็นทุน โดยการจัดหาเงินนั้นจะมาจากการเพิ่มทุน โดยการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรร่วมทุนใหม่ และการกู้ยืมเงินบางส่วนหากไม่เพียงพอ
ก่อนหน้านี้ บริษัทฯเคยตั้งเป้าหมายที่จะนำบีทีเอสออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการและเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯให้ทันในปี 2550 แต่ก็ได้เลื่อนกำหนดมาตลอด เนื่องจากมีเจ้าหนี้ต่างชาติบางรายยื่นคัดค้านคำสั่งศาลล้มละลายกลางที่มีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2550 จนล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ยื่นขอถอนคำคัดค้านไป
