xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ไม่ห่วงแบงก์ขึ้นดอกเบี้ย ชี้ขยายสินเชื่อ-สภาพคล่องหด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธปท.ไม่ท้วงแบงก์ขึ้นดอกเบี้ยฝาก-กู้ ระบุเพื่อเป็นฐานในการปล่อยสินเชื่อ และเป็นไปตามสภาพคล่องของแต่ละแห่ง แต่ควรปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ธุรกิจปรับตัวรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ขณะเดียวกันจับตาเศรษฐกิจโลกชะลออาจกระทบต่อภาคส่งออก เงินทุนเคลื่อนย้าย และการดำเนินนโยบายการเงินในภาวะช่วงเงินเฟ้อพุ่ง

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้บ้างในช่วงที่ผ่านมาว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณสภาพคล่องและความจำเป็นของธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบันของแต่ละแห่ง โดยสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันด้านเงินฝากค่อนข้างมาก ส่วนสินเชื่อก็มีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านสินเชื่อมีการขยายตัวที่ดีในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ต่างระดมเงินฝาก เพื่อเป็นฐานในการปล่อยสินเชื่อในอนาคต

“ธปท.ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยการปรับตัวในครั้งนี้ของธนาคารพาณิชย์เป็นไปตามความจำเป็นและภาวะตลาดที่เกิดขึ้นจริง แต่ธนาคารพาณิชย์เองก็ต้องมีความระมัดระวังในเรื่องของผลกระทบที่อาจส่งผ่านมายังต้นทุนได้ แต่เท่าที่ดูในตอนนี้ภาวะแวดล้อมของภาคธุรกิจเองก็มีการปรับตัวที่ดีพอสมควร และธนาคารพาณิชย์ก็มีการปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ภาคธุรกิจสามารถรองรับกับต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงได้”

ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์อาจส่งผลให้แรงกดดันด้านปริมาณสภาพคล่องลดลงบ้าง แต่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะธนาคารพาณิชย์ต้องการเตรียมฐานเงินฝาก เพื่อปล่อยสินเชื่อ ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของธนาคารพาณิชย์ จึงยอมรับว่าการแข่งขันด้านเงินฝากนี้จะมีการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีกลไกตลาดเป็นตัวกำหนด เพราะหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไปจะทำให้เกินความต้องการของตลาด และอาจเสียความสามารถในการแข่งขันได้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ก่อนการส่งสัญญาณของกนง.เป็นการสะท้อนการดำเนินนโยบายการเงินที่อาจใช้ไม่ได้ผลหรือไม่นั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า การให้ความคิด ถือเป็นการส่งสัญญาณในรูปแบบหนึ่ง ทำให้ภาวะต่างๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในระดับสากลการเปลี่ยนแปลงทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกเป็นเรื่องที่มีการคาดการณ์กว้างขวางตามอัตราเงินเฟ้อ

รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะจากตัวเลขด้านเศรษฐกิจของสหรัฐล่าสุดยังสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ดีนัก ประกอบกับนักวิเคราะห์ในตลาดต่างมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐในระยะต่อไปอาจจะยิ่งชะลอตัวจากปัญหาราคาน้ำมันแพงและอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูง รวมทั้งสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพ(ซับไพรม์)ยังอยู่ระหว่างปรับตัว จึงมีความเป็นไปได้ที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวได้อีกในอนาคต

ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ชะลอนี้อาจมีผลกระทบต่อไทย 3 ประเด็นหลักที่ต้องติดตามดูในช่วงต่อไป ได้แก่ 1. ภาคการส่งออกของไทยที่อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ แม้ในขณะนี้ตัวเลขภาคการส่งออกยังขยายดีต่อเนื่อง แต่อาจได้รับผลกระทบในช่วงต่อไปได้ 2.เงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ซึ่งอาจมีผลให้มีเงินทุนไหลย้อนกลับไปยังต่างประเทศมากกว่าไหลเข้ามายังไทย รวมทั้งมีผลกระทบต่อทิศทางสภาพคล่องในประเทศด้วย

และ3.ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศจากเงินเฟ้อของต่างประเทศสูงขึ้น ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินในประเทศต่างๆ ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องมายังต้นทุนในการดำเนินธุรกิจในประเทศได้ ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยในอนาคตก็ต้องรอติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ต่อไป

สำหรับคำถามที่ว่าขณะนี้มูลค่าการส่งออกขยายตัวได้น้อยกว่าการนำเข้าอาจจะสร้างแรงกดดันให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลมากกว่าที่ธปท.ประเมินไว้หรือไม่นั้น รองผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า การส่งออกของไทยยังถือว่าขยายตัวได้ดีกว่าประเทศอื่น เพราะยังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกข้าวในช่วงราคาแพง แต่ก็ต้องยอมรับในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาดุลการค้าได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ต้องติดตามดูต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น