LHK ตั้งเป้าโต 5% ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ แม้ได้รับผลกระทบจากซับไพรม์ หวังรักษามาร์จิ้นที่ 10% เน้นส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน แย้มอนาคตจะขยายไปยังอินเดีย ด้านงบลงทุนปีนี้ 90 ล้านบาท เน้นขยายธุรกิจผลิตท่อสเตนเลส ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสแรกคาดออกมาต่ำกว่าปีก่อน
นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ LHK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 52 (เม.ย.51-มี.ค.52) เติบโต 5% จากรายได้ปีก่อนที่ 2,612 ล้านบาท เนื่องจากประเทศไทยยังมีอัตราการใช้สเตนเลสต่อหัวน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีอัตราการใช้สเตนเลสต่อหัวที่ค่อนข้างสูงมาก รวมถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังเติบโตได้ดี ตามการส่งเสริมให้มีการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน และรถจักรยายนต์ที่เปลี่ยนมาใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ท่อไอเสียที่ทำจากสเตนเลส รวมถึงแนวโน้มการเติบโตที่ดีของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยที่ 9.32% ด้วยการบริหารจัดการสินค้าให้เสียหายน้อยที่สุด และเพิ่มปริมาณการขายสินค้าให้มากขึ้น รวมถึงจะมีการออกสินค้าเกรดพิเศษใหม่ๆ อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปประสบปัญหาซับไพรม์ โดยบริษัทจะเปลี่ยนมาเน้นส่งออกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยเฉพาะสิงคโปร์ เวียดนาม และฮ่องกง รวมถึงในอนาคตจะขยายไปยังอินเดียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยคาดว่าปีหน้าจะทราบแนวทางที่ชัดเจน
สำหรับ งบลงทุนปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 90 ล้านบาท โดยจะนำไปขยายธุรกิจของบริษัท ออโต้เม็ททอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ดำเนินธุรกิจผลิตท่อสเตนเลสสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้แก่ ท่อไอเสียรถยนต์และท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ ขณะที่บางส่วนจะนำปรับปรุงเครื่องจักรของบริษัทเอง สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/52 (เม.ย.-มิ.ย.51) คาดว่าจะต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปีก่อนไม่มีปัญหาซับไพรม์ รวมถึงข่าวร้ายเหมือนในปัจจุบัน
นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ LHK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 52 (เม.ย.51-มี.ค.52) เติบโต 5% จากรายได้ปีก่อนที่ 2,612 ล้านบาท เนื่องจากประเทศไทยยังมีอัตราการใช้สเตนเลสต่อหัวน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีอัตราการใช้สเตนเลสต่อหัวที่ค่อนข้างสูงมาก รวมถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังเติบโตได้ดี ตามการส่งเสริมให้มีการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน และรถจักรยายนต์ที่เปลี่ยนมาใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ท่อไอเสียที่ทำจากสเตนเลส รวมถึงแนวโน้มการเติบโตที่ดีของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยที่ 9.32% ด้วยการบริหารจัดการสินค้าให้เสียหายน้อยที่สุด และเพิ่มปริมาณการขายสินค้าให้มากขึ้น รวมถึงจะมีการออกสินค้าเกรดพิเศษใหม่ๆ อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปประสบปัญหาซับไพรม์ โดยบริษัทจะเปลี่ยนมาเน้นส่งออกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยเฉพาะสิงคโปร์ เวียดนาม และฮ่องกง รวมถึงในอนาคตจะขยายไปยังอินเดียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยคาดว่าปีหน้าจะทราบแนวทางที่ชัดเจน
สำหรับ งบลงทุนปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 90 ล้านบาท โดยจะนำไปขยายธุรกิจของบริษัท ออโต้เม็ททอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ดำเนินธุรกิจผลิตท่อสเตนเลสสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้แก่ ท่อไอเสียรถยนต์และท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ ขณะที่บางส่วนจะนำปรับปรุงเครื่องจักรของบริษัทเอง สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/52 (เม.ย.-มิ.ย.51) คาดว่าจะต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปีก่อนไม่มีปัญหาซับไพรม์ รวมถึงข่าวร้ายเหมือนในปัจจุบัน
