รมว.ต่างประเทศ สบช่องใช้เวทีประชุมหอการค้านานาชาติ เป่าหูนักลงทุน-ป้ายสีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ อ้างนักลงทุนสหรัฐ กังวลชุมนุมยืดเยื้อกระทบการลงทุนระยะยาว ขณะที่ประธานฯ ส.อ.ท.ยืนยันพันธมิตรชุมนุมตามกรอบประชาธิปไตย ไม่กระทบการลงทุน
วันนี้ (28 พ.ค.) นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังเป็นประธานกล่าวสุนทรพจน์ในงานการประชุมประจำเดือนของหอการค้าอเมริกาประจำประเทศไทยโดยยอมรับว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำให้นักลงทุนสหรัฐฯ กังวลซึ่งหากการชุมนุมยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ตนเองได้ให้ความมั่นใจว่าเรื่องดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในเดือน ก.ค.นี้จะพยายามเปิดเสรีการค้าในกรอบของอาเซียนกับสหรัฐฯ และในภูมิภาคเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจต่อไป
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นขณะนี้ยังไม่กระทบความเชื่อมั่นด้านการลงทุน แต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามสถานการณ์ ว่ามีความยืดเยื้อ หรือมีการประทะกันหรือไม่ซึ่งหากนานเกินไป อาจมีผลกระทบบ้าง ซึ่งขณะนี้ก็ลดลงมากจากราคาน้ำมันโดยภาคธุรกิจที่กระทบ คือ สินค้าจำพวกคงทน เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์
ประธานฯ ส.อ.ท. กล่าวอีกว่า ตามที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเผชิญกับปัญหาน้ำมันแพง ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ผู้บริโภคลดการบริโภคลงและมีหลายปัจจัยบั่นทอนเศรษฐกิจของประเทศ แต่มีการชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้นนั้น ส.อ.ท.เป็นห่วงว่า นักลงทุนหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยจะขาดความเชื่อมั่น เพราะไม่มีประสบการณ์การลงทุนในไทยมาก่อน จึงต้องการให้รัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เร่งชี้แจงทำความเข้าใจถึงนโยบายการส่งเสริมการลงทุน และโอกาสที่จะได้จากการลงทุนในไทยให้กับนักลงทุนหน้าใหม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม หากการชุมนุมทางการเมืองเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ก็เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ จะยังมีอัตราขยายตัวได้ในระดับ 4-5% และตลอดปีนี้คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะยังสามารถเติบโตได้ในระดับ 4.5-5.5%
**เอกชนเชื่อ "ต่างชาติ" สะอิดสะเอียนพฤติกรรมรัฐบาลบ้าอำนาจ
ด้านแหล่งข่าวจากวงการค้าการลงทุน ยอมรับว่า เหตุที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย เพราะข่าวการชุมนุมของพันมิตรฯ มีโอกาสที่จะบานปลายได้ตลอดเวลา เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ บ่งชี้ว่า รัฐบาลมีความพยายามแก้ปัญหาโดยการใช้ความรุนแรง ทั้งการเสี้ยมให้ประชาชนเผชิญหน้ากัน โดยให้ม็อบชนม็อบ หรือการเล่นใต้ดินทุกรูปแบบ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพบว่า รัฐบาลใช้การแก้ไขปัญหาของการชุมนุมประท้วงด้วยวิชามารโดยตลอด เหมือนกับรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งตรงนี้ ทูตของหลายๆ ประเทศ เขารู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบางดี และมีการจับตาสถานการณ์มาโดยตลอด เขาคงไม่เชื่อคำพูดของรัฐบาลเพียงข้างเดียวแน่ แต่การรักษามารยาทอันดีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจทำให้พวกเขาต้องสงวนท่าทีหรือคำพูดที่จะทำลายความเป็นมิตรประเทศ