ตลาด mai 48 แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้รายได้รวมโต 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรรวมพุ่ง 81% โดย ACAP เจ๋งสุดก้าวกระโดด 2,129 % ตามด้วย KASET 1,211 %แ ละ MACO 858 %
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประจำไตรมาส 1/2551 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 ว่าบริษัทจดทะเบียน 48 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 749 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 414 ล้านบาท คิดเป็น 81% โดยมีบริษัทจดทะเบียน 10 แห่งที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงกว่า 100 %
สำหรับ รายได้ของบริษัทจดทะเบียนในงวดดังกล่าว รวมแล้วทั้งสิ้น 10,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 % เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้รวมอยู่ที่ 9,212 ล้านบาท
" บริษัทที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิประจำไตรมาสแรกสูงสุด 3 บริษัท ได้แก่ บมจ. เอแคป แอดไวเซอรี่(ACAP) โดยมีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิ 2,129 %บมจ. ไทยฮา (KASET) 1,211% และ บมจ. มาสเตอร์แอด (MACO) 858 % ตามลำดับ " ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าว
สำหรับ บริษัทจดทะเบียนที่ทำกำไรสุทธิประจำไตรมาสนี้สูงสุด 3 อันดับแรกคือบมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) กำไรสุทธิ 138 ล้านบาท บมจ. เอแคป แอดไวเซอรี่ (ACAP) กำไรสุทธิ 79 ล้านบาท และ บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอ เรอส์ (GFM) กำไรสุทธิ 70 ล้านบาท
นายชนิตร กล่าวต่อว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกแสดงให้เห็นว่าโดยรวม บริษัทจดทะเบียนใน mai หลายบริษัทมีพื้นฐานแข็งแกร่ง สามารถเติบโตท่ามกลางสภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐ ซึ่งอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโต คือธุรกิจการเงินธุรกิจจัดจำหน่าย (Trading) และอุตสาหกรรมผลิตสินค้า และยังมีบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจสื่อและบริการ ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ปัจจุบัน มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 49 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่39,417.12 ล้านบาท ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 285.16 (เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 51) ปรับตัวสูงขึ้นจากต้นปีนี้ 5 %
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประจำไตรมาส 1/2551 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 ว่าบริษัทจดทะเบียน 48 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 749 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 414 ล้านบาท คิดเป็น 81% โดยมีบริษัทจดทะเบียน 10 แห่งที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงกว่า 100 %
สำหรับ รายได้ของบริษัทจดทะเบียนในงวดดังกล่าว รวมแล้วทั้งสิ้น 10,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 % เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้รวมอยู่ที่ 9,212 ล้านบาท
" บริษัทที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิประจำไตรมาสแรกสูงสุด 3 บริษัท ได้แก่ บมจ. เอแคป แอดไวเซอรี่(ACAP) โดยมีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิ 2,129 %บมจ. ไทยฮา (KASET) 1,211% และ บมจ. มาสเตอร์แอด (MACO) 858 % ตามลำดับ " ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าว
สำหรับ บริษัทจดทะเบียนที่ทำกำไรสุทธิประจำไตรมาสนี้สูงสุด 3 อันดับแรกคือบมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) กำไรสุทธิ 138 ล้านบาท บมจ. เอแคป แอดไวเซอรี่ (ACAP) กำไรสุทธิ 79 ล้านบาท และ บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอ เรอส์ (GFM) กำไรสุทธิ 70 ล้านบาท
นายชนิตร กล่าวต่อว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกแสดงให้เห็นว่าโดยรวม บริษัทจดทะเบียนใน mai หลายบริษัทมีพื้นฐานแข็งแกร่ง สามารถเติบโตท่ามกลางสภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐ ซึ่งอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโต คือธุรกิจการเงินธุรกิจจัดจำหน่าย (Trading) และอุตสาหกรรมผลิตสินค้า และยังมีบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจสื่อและบริการ ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ปัจจุบัน มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 49 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่39,417.12 ล้านบาท ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 285.16 (เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 51) ปรับตัวสูงขึ้นจากต้นปีนี้ 5 %
