ก.ล.ต.เผยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไตรมาสแรกปีนี้โต 2.6% หรือ NAV รวม 453,197 ล้านบาท โดยตราสารหนี้มากสุด 77.2% บลจ.ทิสโก้ครองแชมป์รับบริหารสูงสุด ด้วย NAV 64,394 ล้านบาท ขณะที่ บลจ.กรุงไทยลดลงกว่า 12%
ก.ล.ต. เปิดรายงานการเติบโตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สิ้นสุดไตรมาส 1 ปี 51 มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิกว่า 4.5 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 2.6% ปัจจุบันมีสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั่วประเทศเกือบสองล้านคน โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 51 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) โดยรวมของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่ 453,197 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6% จากไตรมาสก่อน ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 51 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพลงทุนในตราสารหนี้มากที่สุด 77.2% ของ NAV ตามด้วยตราสารทุน 11.5% และเงินฝาก 9.0% ซึ่งรูปแบบการจัดสรรเงินลงทุนในไตรมาสนี้ไม่แตกต่างจากไตรมาสที่แล้ว โดยมีแนวโน้มลงทุนในเงินฝากลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ลงทุนในตราสารประเภทอื่นเพิ่มขึ้น
บริษัทจัดการ (บลจ.) ที่มี NAV ภายใต้การบริหารสูงสุด ณ ไตรมาสดังกล่าว คือ บลจ. ทิสโก้ ซึ่งขยับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในไตรมาสนี้ ด้วย NAV 64,394 ล้านบาท ตามด้วย บลจ. กรุงไทยที่ NAV ปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่แล้วถึง 12.1% โดยมี NAV 62,748 ล้านบาท อันดับสามคือ บลจ. เอ็มเอฟซี โดยมี NAV 54,008 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารกรุงเทพมีอัตราการเติบโตของ NAV ภายใต้การบริหารจัดการสูงสุด โดยขยายตัวจากไตรมาส 4 ปี 50 ถึง 79.4%
สำหรับจำนวนกองทุนพบว่ามีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งสิ้น 513 กองทุน โดยเป็นกองทุนนายจ้างเดียว (single fund) 209 กองทุนหรือ 40.7 % กองทุนหลายนายจ้าง (pooled fund) 88 กองทุน หรือ 17.2% และกองทุนหลายนายจ้างในกลุ่มเดียวกัน (group fund) 216 กองทุน หรือ 42.1 % แม้ว่าจำนวนกองทุนโดยรวมจะเท่ากับไตรมาสที่ผ่านมา แต่เมื่อดูในรายละเอียดพบว่า single fund และ group fund ปรับลดลง ขณะที่ pooled fund ปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งตามขนาดกองทุนพบว่า 71.2 % เป็นกองทุนขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านบาท และ 64.1% มีจำนวนสมาชิกกองทุนมากกว่า 500 คน ขณะที่นายจ้าง ณ สิ้นไตรมาสแรก มีทั้งสิ้น 8,496 ราย เพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาสที่ผ่านมา และลูกจ้างมี 1.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสที่ผ่านมา
โดยรวมในไตรมาส 1 ปี 51 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 50 และคาดว่าการขยายตัวจะเร่งขึ้นในไตรมาสต่อ ๆ ไป เนื่องจากการเร่งขยายฐานลูกค้าใหม่ของบริษัทจัดการ
ก.ล.ต. เปิดรายงานการเติบโตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สิ้นสุดไตรมาส 1 ปี 51 มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิกว่า 4.5 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 2.6% ปัจจุบันมีสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั่วประเทศเกือบสองล้านคน โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 51 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) โดยรวมของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่ 453,197 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6% จากไตรมาสก่อน ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 51 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพลงทุนในตราสารหนี้มากที่สุด 77.2% ของ NAV ตามด้วยตราสารทุน 11.5% และเงินฝาก 9.0% ซึ่งรูปแบบการจัดสรรเงินลงทุนในไตรมาสนี้ไม่แตกต่างจากไตรมาสที่แล้ว โดยมีแนวโน้มลงทุนในเงินฝากลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ลงทุนในตราสารประเภทอื่นเพิ่มขึ้น
บริษัทจัดการ (บลจ.) ที่มี NAV ภายใต้การบริหารสูงสุด ณ ไตรมาสดังกล่าว คือ บลจ. ทิสโก้ ซึ่งขยับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในไตรมาสนี้ ด้วย NAV 64,394 ล้านบาท ตามด้วย บลจ. กรุงไทยที่ NAV ปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่แล้วถึง 12.1% โดยมี NAV 62,748 ล้านบาท อันดับสามคือ บลจ. เอ็มเอฟซี โดยมี NAV 54,008 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารกรุงเทพมีอัตราการเติบโตของ NAV ภายใต้การบริหารจัดการสูงสุด โดยขยายตัวจากไตรมาส 4 ปี 50 ถึง 79.4%
สำหรับจำนวนกองทุนพบว่ามีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งสิ้น 513 กองทุน โดยเป็นกองทุนนายจ้างเดียว (single fund) 209 กองทุนหรือ 40.7 % กองทุนหลายนายจ้าง (pooled fund) 88 กองทุน หรือ 17.2% และกองทุนหลายนายจ้างในกลุ่มเดียวกัน (group fund) 216 กองทุน หรือ 42.1 % แม้ว่าจำนวนกองทุนโดยรวมจะเท่ากับไตรมาสที่ผ่านมา แต่เมื่อดูในรายละเอียดพบว่า single fund และ group fund ปรับลดลง ขณะที่ pooled fund ปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งตามขนาดกองทุนพบว่า 71.2 % เป็นกองทุนขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านบาท และ 64.1% มีจำนวนสมาชิกกองทุนมากกว่า 500 คน ขณะที่นายจ้าง ณ สิ้นไตรมาสแรก มีทั้งสิ้น 8,496 ราย เพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาสที่ผ่านมา และลูกจ้างมี 1.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสที่ผ่านมา
โดยรวมในไตรมาส 1 ปี 51 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 50 และคาดว่าการขยายตัวจะเร่งขึ้นในไตรมาสต่อ ๆ ไป เนื่องจากการเร่งขยายฐานลูกค้าใหม่ของบริษัทจัดการ