เอ็กซิมแบงก์เตือนลูกค้าส่งออกสินค้าเกษตรบริหารความเสี่ยง หลังราคาผันผวนหนัก หวั่นไม่มีสินค้าส่งมอบตามออเดอร์ หรือขาดทุนจากราคาสินค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ระบุเริ่มมีลูกค้าเริ่มขอเพิ่มวงเงินหลังราคาสินค้าพุ่ง ห่วงผู้ส่งออกกลุ่มสิ่งทอที่ยังติดปัญหาเดิมเรื่องต้นทุนที่สู้คู่แข่งไม่ได้ แนะหากจะแก้ปัญหาต้องจัดการทั้งโครงสร้างในระยะยาว
นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือ EXIM BANK เปิดเผยว่า เอ็กซิมแบงก์ได้คอยติดตามสถานการณ์การส่งออกของลูกค้าที่ส่งออกสินค้าภาคการเกษตรในช่วงที่ราคาสินค้าเกษตรมีความผันผวนทั้งในกลุ่มที่ส่งออกข้าวและพืชพลังงานทดแทน โดยในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สิ่งที่เอ็กซิมแบงก์เป็นห่วงคือเรื่องการส่งมอบสินค้าว่าจะสามารถส่งได้ตามคำสั่งซื้อหรือไม่ เพราะจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบันจะมีส่วนทำให้ลูกค้าของเอ็กซิมแบงก์หาสินค้าส่งมอบได้ลำบากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของราคาที่ตกลงซื้อขายอาจตกลงซื้อในระดับราคาหนึ่ง แต่การหาสินค้าเพื่อส่งมอบอาจได้อีกราคาหนึ่งจะเกิดปัญหาว่าการส่งสินค้าล็อตนั้นจะมีกำไรเกิดขึ้นหรือไม่
“เราต้องคอยแนะนำให้ลูกค้ามีความรอบคอบกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น หลังจากรับออเดอร์ลูกค้าจากต่างประเทศมาแล้ว จะสามารถหาสินค้าเกษตรเหล่านั้นส่งมอบให้ลูกค้าได้ตามสัญญาหรือไม่ และราคาที่ลูกค้าซื้อและส่งออกนั้นจะมีกำไรเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด เพราะราคาสินค้าเกษตรมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว จึงต้องมีการแนะนำลูกค้าให้บริหารความเสี่ยงในเรื่องนี้อย่างรอบคอบ” นายอภิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม เท่าที่เอ็กซิมแบงก์ตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าปัญหาของราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น จะส่งผลกระทบให้ลูกค้าที่ส่งออกข้าวบางรายขอเพิ่มวงเงินสินเชื่อเนื่องจากราคาต้นทุนข้าวเปลือกมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก เช่น จากปกติที่ใช้เงินสำหรับซื้อข้าวเพื่อส่งออก 500 ล้านบาท หลังจากราคาข้าวในประเทศปรับเพิ่มขึ้นก็ขอวงเงินเพิ่มเป็น 600 ล้านบาท
ซึ่งการขอเพิ่มวงเงินของลูกค้าดังกล่าวเอ็กซิมแบงก์ได้พิจารณาข้อมูลต่างๆ ประกอบในการปล่อยสินเชื่อแล้ว โดยส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไรก็จะอนุมัติไปตามที่ขอ เพราะเหตุผลในการขอเพิ่มวงเงินสินเชื่อนั้นมาจากต้นทุนซื้อสินค้าเพื่อส่งออกที่สูงขึ้นเอ็กซิมแบงก์จึงได้อนุมัติตามที่ขอมา
“ในปัจจุบันเรายังไม่พบว่าลูกค้ามีปัญหาการส่งเงินค่างวดแต่อย่างใดเนื่องจากเราเน้นการให้คำแนะนำกับลูกค้าในเรื่องการบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันแพง ทำประกันอัตราแลกเปลี่ยนและการป้องกันความเสี่ยงด้านอื่นๆ และแนะนำลูกค้าให้ปรับกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจอยู่เสมอจึงทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที” นายอภิชัยกล่าว
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เอ็กซิมแบงก์มีความเป็นห่วงมากเป็นพิเศษคือผู้ส่งออกสิ่งทอประเภทต่างๆ โดยปัญหาที่เกิดกับกลุ่มนี้ก็เป็นปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นแล้วยังไม่มีการแก้ไข คือต้นทุนในการแข่งขันที่ไม่สามารถสู้กับคู่แข่งได้ ทั้งประเทศในแถบอินโดจีน คือ ลาว เวียดนาม และกัมพูชา รวมทั้งจีนที่มีต้นทุนในการผลิตที่ถูกกว่าประเทศไทยมาก
“สิ่งที่จะแก้ปัญหาให้กับภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอเพื่อการส่งออกได้ จะต้องดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างทั้งระบบและดำเนินการในระยะยาว โดยต้องสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้านอกจากเป็นผู้รับจ้างผลิตให้กับสินค้าแบรนด์เนมต่างชาติเท่านั้น” นายอภิชัยกล่าว
นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือ EXIM BANK เปิดเผยว่า เอ็กซิมแบงก์ได้คอยติดตามสถานการณ์การส่งออกของลูกค้าที่ส่งออกสินค้าภาคการเกษตรในช่วงที่ราคาสินค้าเกษตรมีความผันผวนทั้งในกลุ่มที่ส่งออกข้าวและพืชพลังงานทดแทน โดยในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สิ่งที่เอ็กซิมแบงก์เป็นห่วงคือเรื่องการส่งมอบสินค้าว่าจะสามารถส่งได้ตามคำสั่งซื้อหรือไม่ เพราะจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบันจะมีส่วนทำให้ลูกค้าของเอ็กซิมแบงก์หาสินค้าส่งมอบได้ลำบากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของราคาที่ตกลงซื้อขายอาจตกลงซื้อในระดับราคาหนึ่ง แต่การหาสินค้าเพื่อส่งมอบอาจได้อีกราคาหนึ่งจะเกิดปัญหาว่าการส่งสินค้าล็อตนั้นจะมีกำไรเกิดขึ้นหรือไม่
“เราต้องคอยแนะนำให้ลูกค้ามีความรอบคอบกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น หลังจากรับออเดอร์ลูกค้าจากต่างประเทศมาแล้ว จะสามารถหาสินค้าเกษตรเหล่านั้นส่งมอบให้ลูกค้าได้ตามสัญญาหรือไม่ และราคาที่ลูกค้าซื้อและส่งออกนั้นจะมีกำไรเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด เพราะราคาสินค้าเกษตรมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว จึงต้องมีการแนะนำลูกค้าให้บริหารความเสี่ยงในเรื่องนี้อย่างรอบคอบ” นายอภิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม เท่าที่เอ็กซิมแบงก์ตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าปัญหาของราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น จะส่งผลกระทบให้ลูกค้าที่ส่งออกข้าวบางรายขอเพิ่มวงเงินสินเชื่อเนื่องจากราคาต้นทุนข้าวเปลือกมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก เช่น จากปกติที่ใช้เงินสำหรับซื้อข้าวเพื่อส่งออก 500 ล้านบาท หลังจากราคาข้าวในประเทศปรับเพิ่มขึ้นก็ขอวงเงินเพิ่มเป็น 600 ล้านบาท
ซึ่งการขอเพิ่มวงเงินของลูกค้าดังกล่าวเอ็กซิมแบงก์ได้พิจารณาข้อมูลต่างๆ ประกอบในการปล่อยสินเชื่อแล้ว โดยส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไรก็จะอนุมัติไปตามที่ขอ เพราะเหตุผลในการขอเพิ่มวงเงินสินเชื่อนั้นมาจากต้นทุนซื้อสินค้าเพื่อส่งออกที่สูงขึ้นเอ็กซิมแบงก์จึงได้อนุมัติตามที่ขอมา
“ในปัจจุบันเรายังไม่พบว่าลูกค้ามีปัญหาการส่งเงินค่างวดแต่อย่างใดเนื่องจากเราเน้นการให้คำแนะนำกับลูกค้าในเรื่องการบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันแพง ทำประกันอัตราแลกเปลี่ยนและการป้องกันความเสี่ยงด้านอื่นๆ และแนะนำลูกค้าให้ปรับกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจอยู่เสมอจึงทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที” นายอภิชัยกล่าว
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เอ็กซิมแบงก์มีความเป็นห่วงมากเป็นพิเศษคือผู้ส่งออกสิ่งทอประเภทต่างๆ โดยปัญหาที่เกิดกับกลุ่มนี้ก็เป็นปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นแล้วยังไม่มีการแก้ไข คือต้นทุนในการแข่งขันที่ไม่สามารถสู้กับคู่แข่งได้ ทั้งประเทศในแถบอินโดจีน คือ ลาว เวียดนาม และกัมพูชา รวมทั้งจีนที่มีต้นทุนในการผลิตที่ถูกกว่าประเทศไทยมาก
“สิ่งที่จะแก้ปัญหาให้กับภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอเพื่อการส่งออกได้ จะต้องดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างทั้งระบบและดำเนินการในระยะยาว โดยต้องสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้านอกจากเป็นผู้รับจ้างผลิตให้กับสินค้าแบรนด์เนมต่างชาติเท่านั้น” นายอภิชัยกล่าว
