เพอร์เฟคฯระบุเหล็กขึ้นราคากระทบต้นทุนก่อสร้างหนัก จับตาไตรมาส3เป็นต้นไปผู้ประกอบการอสังหาฯแนวสูงปรับราคาขายรับต้นทุนเหล็ก คาดแนวโน้มเหล็กปรับราคาแตะ40บาทต่อกิโลกรัม ด้านเอ็น.ซี.คาดยอดปฎิเสธสินเชื่อยังอยู่ระดับสูงทั้งระบบ 20-30% ขณะที่มั่นคงฯเชื่อลูกค้ารับสภาพราคาบ้านปรับขึ้น
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการปรับตัวของราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ส่งผลต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก เพราะทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างหลายๆตัวมีการปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนการผลิตใหม่ โดยในช่วง1ไตรมาสที่ผ่านมาต้นทุนวัสดุก่อสร้างมีการปรับตัวจากช่วงต้นปีไปแล้ว1-2%
ทั้งนี้ แม้ว่าต้นทุนวัสดุก่อสร้างหลายๆตัวจะมีการปรับราคาขายจากเดิม แต่ก็ไม่กระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างชัดเจนเท่ากับการปรับราคาขายของเหล็กในตลาด ซึ่งนับจากช่วงต้นปีเป็นต้นมามีการปรับราคาขายขึ้นไปแล้ว15% ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้หากราคาเหล็กมีการปรับตัวขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ40 บาทตามที่หลายฝ่ายมีกาคาดการไว้ จะทำให้ผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ผู้ประกอบการอาจจะมีการปรับราคาขายที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ต้องใช้เหล็กในการก่อสร้างจำนวนมากๆ เช่นโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบหลักในการก่อสร้างอาคารสูง โดยคาดว่าในไตรมาส3นี่น่าจะเห็นผู้ประกอบการโครงการคอนโดมิเนียมมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการปรับราคาขายดังกล่าวอาจจะมีการปรับเพียงบางรายเท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายยอมลดกำไร โดยนำส่วนลดจากมาตรการทางภาษีของรัฐบาลไปซับพร์อตในส่วนของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
"หากเปรียบเทียบผลกระทบระหว่างน้ำมันและราคาเหล็กในช่วงนี้ ผลกระทบจากราคาเหล็กจะมีมากกว่า เชื่อว่าคอนโดฯจะเป็นกลุ่มแรกที่ปรับราคาขายขึ้น"
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีนี้ผู้ประกอบการจะยังไม่เร่งการพัฒนาโครงการใหม่ แต่จะเน้นการพัฒนาโครงการเดิมที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จ และสามารถส่งมอบให้ทันมาตรการทางภาษีในช่วงก่อนเดือนมี.ค.ปี52
อย่างไรก็ดีผลบวกจากมาตรการขางภาครัฐนั้นยังไม่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากเป็นช่วงเดียวกับราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวต่อเนื่องทำให้ผลจากมาตรการไม่เกิดผลเท่าที่ควร
"ในส่วนของ เพอร์เฟคฯ นั้นในไตรมาสแรกที่ผ่านมามียอดขายแล้ว 2,300 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าที่วางไว้เล็กน้อย โดยสาเหตุที่ทำให้มียอดขายเกินเป้านั้นเนื่องจากการทำตลาดของบริษัทเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมาตรการนั้นไม่ค่อยมีผลเท่าใด"
คนซื้อบ้านจำใจเลือกบ้านขนาดเล็กลง
ดร.ธีระชน กล่าวยอมรับว่า การปรับราคาของน้ำมันที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าในตลาดลดลง ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย โดยลูกค้ายอมเลือกขนาดที่อยู่อาศัยลงมาตามกำลังซื้อที่ลดลง เช่น จากที่ตั้งใจจะซื้อบ้านเดี่ยวก็ลดลงมาเป็นบ้านแฝด หรือทาวน์เฮาส์ หรือตั้งใจซื้อทาวน์เฮาส์ใกล้เมืองก็หันมาซื้อคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าแทน
ด้านนายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้การปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันต่อเนื่องจะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้าน แต่ก็เชื่อว่ามาตรการทางภาษีของรัฐบาล ทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องปรับราคาขายบ้านใหม่ขึ้น หรือหากมีการปรับราคาก็ไม่สูงมากนัก ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวโดยรวมแล้วส่งผลทางจิตวิทยาต่อผู้ซื้อ ในขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีกำลังใจในการทำตลาดมากขึ้นด้วย
" ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้น เชื่อว่าไม่มีผลต่อการปฏิเสธปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ที่ผ่านมาระดับการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินยังคงมีอัตราเท่ากับในช่วงปีที่ผ่านมาคือ 20-30% "
นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท มั่งคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับราคาน้ำมันมีผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างค่อนข้างน้อยอยู่ เพราะในช่วงก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการมีการปรับราคาขายสินค้ากันไปแล้ว สำหรับในส่วนของลูกค้านั้นเชื่อว่าเข้าใจดีถึงการปรับราคาขายของผู้ประกอบการ และเชื่อว่าผู้บริโภคยอมรับถึงราคาที่ปรับขึ้นไปได้ดี
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการปรับตัวของราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ส่งผลต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก เพราะทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างหลายๆตัวมีการปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนการผลิตใหม่ โดยในช่วง1ไตรมาสที่ผ่านมาต้นทุนวัสดุก่อสร้างมีการปรับตัวจากช่วงต้นปีไปแล้ว1-2%
ทั้งนี้ แม้ว่าต้นทุนวัสดุก่อสร้างหลายๆตัวจะมีการปรับราคาขายจากเดิม แต่ก็ไม่กระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างชัดเจนเท่ากับการปรับราคาขายของเหล็กในตลาด ซึ่งนับจากช่วงต้นปีเป็นต้นมามีการปรับราคาขายขึ้นไปแล้ว15% ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้หากราคาเหล็กมีการปรับตัวขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ40 บาทตามที่หลายฝ่ายมีกาคาดการไว้ จะทำให้ผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ผู้ประกอบการอาจจะมีการปรับราคาขายที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ต้องใช้เหล็กในการก่อสร้างจำนวนมากๆ เช่นโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบหลักในการก่อสร้างอาคารสูง โดยคาดว่าในไตรมาส3นี่น่าจะเห็นผู้ประกอบการโครงการคอนโดมิเนียมมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการปรับราคาขายดังกล่าวอาจจะมีการปรับเพียงบางรายเท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายยอมลดกำไร โดยนำส่วนลดจากมาตรการทางภาษีของรัฐบาลไปซับพร์อตในส่วนของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
"หากเปรียบเทียบผลกระทบระหว่างน้ำมันและราคาเหล็กในช่วงนี้ ผลกระทบจากราคาเหล็กจะมีมากกว่า เชื่อว่าคอนโดฯจะเป็นกลุ่มแรกที่ปรับราคาขายขึ้น"
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีนี้ผู้ประกอบการจะยังไม่เร่งการพัฒนาโครงการใหม่ แต่จะเน้นการพัฒนาโครงการเดิมที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จ และสามารถส่งมอบให้ทันมาตรการทางภาษีในช่วงก่อนเดือนมี.ค.ปี52
อย่างไรก็ดีผลบวกจากมาตรการขางภาครัฐนั้นยังไม่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากเป็นช่วงเดียวกับราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวต่อเนื่องทำให้ผลจากมาตรการไม่เกิดผลเท่าที่ควร
"ในส่วนของ เพอร์เฟคฯ นั้นในไตรมาสแรกที่ผ่านมามียอดขายแล้ว 2,300 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าที่วางไว้เล็กน้อย โดยสาเหตุที่ทำให้มียอดขายเกินเป้านั้นเนื่องจากการทำตลาดของบริษัทเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมาตรการนั้นไม่ค่อยมีผลเท่าใด"
คนซื้อบ้านจำใจเลือกบ้านขนาดเล็กลง
ดร.ธีระชน กล่าวยอมรับว่า การปรับราคาของน้ำมันที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าในตลาดลดลง ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย โดยลูกค้ายอมเลือกขนาดที่อยู่อาศัยลงมาตามกำลังซื้อที่ลดลง เช่น จากที่ตั้งใจจะซื้อบ้านเดี่ยวก็ลดลงมาเป็นบ้านแฝด หรือทาวน์เฮาส์ หรือตั้งใจซื้อทาวน์เฮาส์ใกล้เมืองก็หันมาซื้อคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าแทน
ด้านนายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้การปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันต่อเนื่องจะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้าน แต่ก็เชื่อว่ามาตรการทางภาษีของรัฐบาล ทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องปรับราคาขายบ้านใหม่ขึ้น หรือหากมีการปรับราคาก็ไม่สูงมากนัก ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวโดยรวมแล้วส่งผลทางจิตวิทยาต่อผู้ซื้อ ในขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีกำลังใจในการทำตลาดมากขึ้นด้วย
" ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้น เชื่อว่าไม่มีผลต่อการปฏิเสธปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ที่ผ่านมาระดับการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินยังคงมีอัตราเท่ากับในช่วงปีที่ผ่านมาคือ 20-30% "
นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท มั่งคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับราคาน้ำมันมีผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างค่อนข้างน้อยอยู่ เพราะในช่วงก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการมีการปรับราคาขายสินค้ากันไปแล้ว สำหรับในส่วนของลูกค้านั้นเชื่อว่าเข้าใจดีถึงการปรับราคาขายของผู้ประกอบการ และเชื่อว่าผู้บริโภคยอมรับถึงราคาที่ปรับขึ้นไปได้ดี